อดีต ส.ส.ปชป.ขอนายกฯ ทบทวนออกกฎหมายอีอีซี ให้ต่างชาติเช่าที่ 99 ปี ยกลาวเป็นตัวอย่าง เลิก 99 ปี หดเหลือ 50 ปี งงไทยกลับทำสวนทาง วอนนายกฯ ชะลอการขึ้นค่าไฟฟ้า คืนความสุขให้ ปชช.เหมือนคืนความสุขให้ ขรก.ที่ช่วยงาน คสช.แล้วได้ขึ้นเงินเดือน
วันนี้ (30 เม.ย.) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แถลงคัดค้านรางพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่เปิดสิทธิพิเศษให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้ 99 ปีในจังหวัดชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และสามารถขยายไปจังหวัดอื่นๆ ได้ โดยระบุว่าเป็นการแก้ไขกฎหมายเพื่อเอาใจนายทุนต่างด้าว สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่เกษตรกรรมสีเขียวเป็นพื้นที่สีม่วง หรืออุตสาหกรรมได้โดยซูเปอร์บอร์ดจะส่งผลต่อประชาชนและสังคมไทย ในขณะที่คนไทยยังมีปัญหาที่ทำกินจำนวนมาก แต่รัฐบาลกำลังเอื้อประโยชน์ให้ทุนตางชาติเข้ามาครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ถึง 99 ปี เป็นเรื่องที่ประชาชนจำนวนมาก นักวิชาการ และผู้พิพากษาคัดค้านเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้แล้วการออกกฎหมายรัฐบาลต้องดำเนินการตามมาตรา 72 วรรคสองก่อน และบุคคลมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการรักษาทรัพยากรของชาติ เป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะคัดค้านอย่ามองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เพราะทุกคนรักชาติเช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์กว่า 60 คนได้ยื่นหนังสือคัดค้านถึง พล.อ.ประยุทธ์ไปตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559 แต่ไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างใด แม้แต่ประเทศลาวที่เคยให้กรรมสิทธิ์คนต่างชาติ 99 ปี ก็ลดลงมาเหลือ 50 ปีแล้ว เหตุใดประเทศไทยจึงทำสวนทางกับประเทศลาว
“ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยร่างกฎหมายดังกล่าวให้ประชาชนทราบอย่างกว้างขวาง หากจะให้ต่างชาติได้รับสิทธิพิเศษมากมายขอให้ทำประชามติจากประชาชนอย่าทำตามความคิดของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่เคยผลักดันในรัฐบาลทักษิณแต่ไม่สำเร็จ จึงไม่เข้าใจว่าจะสำเร็จในยุครัฐบาล คสช.ได้อย่างไร”
นายวัชระยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน จะปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติหรือค่าเอฟทีในเดือน พ.ค.เป็น 12.52 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟจากเดิมหน่วยละ 3.38 บาท เพิ่มเป็น 3.50 บาท โดยอ้างว่าต้นทุนพลังงานมีราคาแพงขึ้น ซึ่งราคาก๊าซธรรมชาติปากหลุมในอ่าวไทยนั้นเป็นการขึ้นราคาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นจึงสามารถปรับลดลงมาได้ อีกทั้งยังเกิดจากการไฟฟ้าฯ ซื้อไฟฟ้าจากเอกชนในราคาแพงซึ่งเป็นการประมาณการที่ผิดพลาดแต่ผลักภาระมาให้ประชาชนจึงเป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรมและสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนจนร้องเรียนผ่านตนมาขอให้รัฐบาลทบทวนหรือชะลอการขึ้นคาไฟฟ้าไปก่อน และให้ตรวจสอบการทำงานของ กกพ. พร้อมกับเปรียบเทียบว่าการชะลอการขึ้นราคาค่าไฟฟ้าจะช่วยคืนความสุขให้ประชาชน ไม่แตกต่างจากการที่นายกรัฐมนตรีขึ้นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการที่ไปช่วยงาน คสช.