“ปณิธาน” เผย “ประวิตร” ถกไฟใต้ เชื่อสถานการณ์จะคลายตัวลง ระบุผู้ก่อเหตุไม่สงบฉวยโอกาสพื้นที่ยืดหยุ่นความเข้มงวดก่อเหตุ หวังให้เป็นประเด็นสากล ยอมรับต้องเฝ้าระวัง หวั่นถูกโจมตีระบบสาธารณูปโภค-ระบบขนส่ง ไม่ยันมีป่วนเพราะค้านร่วมลงพื้นที่กับกลุ่มมาราปาตานีกำหนดเซฟตี้โซน
วันนี้ (28 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุลอบโจมตีทหารพราน จ.นราธิวาส จนเสียชีวิต 6 รายว่า เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ชี้แจงเรื่องนี้แล้วว่าอาจจะต้องเข้มงวดกวดขันการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่มากขึ้น โดยกำชับผ่าน ผบ.ทบ.ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติแล้ว ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรจะได้มีการเรียกประชุมหารือการทำงานแก้ปัญหาในพื้นที่ดังกล่าวบ่อยครั้งขึ้น พร้อมกับเร่งรัดการทำงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) ขณะเดียวกัน ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลก็ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลายตัวลง
นายปณิธานกล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้เช่นกันที่ พล.อ.ประวิตรได้พบและหารือกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมาเลเซีย มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันถึงสถานการณ์พื้นที่บริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งบางพื้นที่มีปัญหาเรื่องความชำนาญพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ เข้าใจว่าทหารพรานที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นทหารที่มาจากพื้นที่อื่น และเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่เกิดเหตุ แต่อย่างไรก็ตามต้องรอผลการตรวจสอบสาเหตุจาก ทบ.อีกครั้งหนึ่งเพื่อความชัดเจน สำหรับพื้นที่ที่ผู้ก่อเหตุเลือกอาจจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่มีความยืดหยุ่นในเรื่องของความเข้มข้น ทั้งๆ ที่หากเจ้าหน้าที่ควบคุมพื้นที่มากไปก็อาจทำให้ประชาชนเคลื่อนไหวยาก ไม่ได้รับความสะดวก แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มีความยืดหยุ่นก็ถูกฉกฉวยมาสร้างสถานการณ์ แต่หากมองภาพรวมจะเห็นได้ว่าสถานการณ์โดยรวมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้ดีขึ้น แต่ยังมีกลุ่มคนที่พยายามสร้างเงื่อนไขหรือจุดกระแสในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หรือช่วงที่มีเหตุการณ์ประชุมนานาชาติที่สำคัญที่อาจมีการหยิบยกสถานการณ์ภาคใต้ขึ้นมาหารือ หรือเป็นการครบรอบวันที่สำคัญ ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องมีความระมัดระวังด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ก่อเหตุอาจหวังผลให้กลายเป็นประเด็นสากล
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการที่นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ประเทศฟิลิปปินส์ด้วยหรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่ความเชื่อมโยงของกลุ่มใหม่ๆ ที่ต้องการยกระดับตัวเองขึ้นมา กับกิจกรรมที่องค์กรนานาชาติกำลังจะจัดประชุมเพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงในหลายๆ ประเทศ ก็อาจจะเป็นตัวสนับสนุนให้กลุ่มคนดังกล่าวยิ่งออกมาเคลื่อนไหว หรือลงมือปฏิบัติการในช่วงนี้ ขณะเดียวกัน เราต้องดูในเรื่องช่องว่างของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ซึ่งตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบเพื่อสรุปผลต่อไป จึงอย่าเพิ่งไปชี้ว่าส่วนไหนบกพร่องหรือไม่อย่างไร
เมื่อถามว่าประเมินเหตุการณ์ก่อเหตุที่รุนแรงขึ้นอย่างไรบ้าง นายปณิธานกล่าวว่า ตอนนี้ต้องระวังการโจมตีสาธารณูปโภคต่างๆ ที่มีอยู่เต็มพื้นที่ เช่น เสาไฟฟ้า เสาโทรศัพท์ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารโทรคมนาคม ระบบขนส่ง ที่อาจจะถูกโจมตีได้ง่าย และวิธีที่ผู้ก่อเหตุได้เรียนรู้การโจมตีสิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่ก็ต้องยิ่งป้องกันระบบสาธารณูปโภคให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นจะสร้างผลกระทบอย่างมากต่อประชาชน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กำลังจับตามองในเรื่องการใช้ระเบิด รวมถึงศักยภาพการทำงานด้านการสื่อสาร
ส่วนกรณีที่มีบางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการก่อเหตุช่วงนี้เพราะต้องการค้านกรณีที่รัฐบาลไทยกำลังร่วมลงพื้นที่กับกลุ่มมาราปาตานีเพื่อกำหนดเซฟตี้โซนนั้น อาจจะเป็นสมมติฐานอย่างหนึ่งแต่เราไม่สามารถยืนยันประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความเห็นต่างของแต่ละกลุ่มที่มาพูดคุยกับเรา อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่มาพูดคุยสันติสุขถือเป็นกลุ่มที่มีความคืบหน้าในการทำงานกับเรา แต่เราไม่สามารถเข้าไปพิสูจน์ทราบได้ถึงปัญหาภายในระหว่างกลุ่มเหล่านี้ที่อาจมีการแย่งชิงการนำระหว่างกัน ตรงนี้อาจเป็นอุปสรรคปัญหาของการทำงานเพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่รัฐบาลไทยยังตั้งใจพูดคุยกับทุกกลุ่มทั้งที่เปิดเผยตัวและไม่เปิดเผยตัว ขณะที่มาเลเซียยังทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานในการพูดคุยดังกล่าวอย่างเต็มที่