xs
xsm
sm
md
lg

มติ กกต.ปรับโครงสร้าง สนง.รับการทำงานบอร์ด-ผู้ตรวจฯ เลือกตั้ง ปูทางสู่ กกต.4.0

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รองเลขาฯ กกต. เผย กกต.มีมติปรับโครงสร้างบริหารสำนักงานฯใหม่ รองรับการทำงานเป็นบอร์ด-ผู้ตรวจการเลือกตั้ง มั่นใจประสิทธิภาพดีกว่าเดิม นำ กกต.พัฒนาสู่ยุค กกต.4.0

วันนี้ (27 เม.ย.) นายภูมิพิทักษ์ กองแก้ว รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารกลาง แถลงว่าที่ประชุม กกต.ได้เห็นชอบร่างระเบียบการจัดแบ่งส่วนงาน และร่างระเบียบบริหารงานบุคคล (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ตามที่สำนักงานเสนอเพื่อปรับโครงสร้างของสำนักงาน รองรับกับภารกิจใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นตามรัฐธรรมนูญ และจะเป็นการรองรับการทำงานในรูปแบบคณะกรรมการ (บอร์ด) ของ กกต.ในอนาคต โดยสาระสำคัญของร่างระเบียบทั้ง 2 ฉบับ จะกำหนดให้มีการเพิ่มสำนักขึ้นมาอีก 3 สำนักในโครงสร้าง ประกอบด้วย 1. สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล ขึ้นมาทำหน้าที่เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายบุคลากรที่ในอนาคต จะมีกรอบอัตรากำลังเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 อัตรา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2,000 กว่าอัตรา

2. สำนักเทคโนโลยีและสารสนเทศ ซึ่งจะเป็นการยกฐานะงานด้านสารสนเทศที่อยู่ในสำนักนโยบายและแผนขึ้นมา เพื่อรอรับการขับเคลื่อนเทคโนโลยีทั้งหมดพัฒนาไปสู้ กกต.4.0 และ 3. สำนักสนับสนุนงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งจะทำหน้าที่คล้ายกรมสอบสวนคดีพิเศษ กองปราบปราม มีอำนาจพิเศษสืบสวนสอบสวน การหาข่าว มีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว สามารถลงพื้นที่สอบสวนคดีทุจริตการเลือกตั้งได้ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ก็จะมีการปรับปรุงตำแหน่งให้เหมือนกับส่วนราชการ จากเดิมที่เป็นผู้บริหารระดับต้น กลาง และสูง ก็จะแบ่งเป็นประเภทวิชาการ และบริหาร โดยยกเลิกการทำงานเป็น 5 ด้านกิจการ และให้เลขาฯ มอบงานให้รองเลขาทั้ง 5 คน รับผิดชอบดูแลงานในแต่ละสำนัก รวมถึงพื้นที่จังหวัด ซึ่งหลังจากนี้ทางสำนักกฎหมายก็จะทำการตรวจสอบก่อนส่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อมีผลบังคับใช้ และจากนั้นก็จะมีระเบียบออกมารองรับอีกกว่า 30 ฉบับ เพื่อเกลี่ยอัตรากำลัง และเลขาฯ ซึ่งทำงานขึ้นตรงกับ กกต.ก็มาจะออกคำสั่งในการมอบงานให้รองเลขาฯ แต่ละคน

“การแบ่งโครงสร้างใหม่จะดีกว่าเดิม ทำให้ภารกิจชัดเจนขึ้น งานจะไม่ปะบนกัน และรวดเร็วมีประสิทธิภาพ และเมื่อกฎหมาย กกต.ออกมาที่จะต้องมีผู้ตรวจการเลือกตั้ง ก็สามารถใช้ได้กับโครงสร้างนี้ทันที โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเลือกตั้ง หากเกิดเหตุก็สามารถลงพื้นที่ได้ทันที และมีบุคคลผู้รับผิดชอบที่สามารถรายงานเหตุได้ทันที”

นายภูมิพิทักษ์ยังกล่าวกรณีการแต่งตั้งเลขา กกต.คนใหม่ด้วยว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ แต่เชื่อว่านายอำพล วงศ์ศิริ ที่ กกต.มีมติ และผ่านกระบวนการสรรหาก็ไม่น่าจะดำรงตำแหน่งได้ เนื่องจากจะขาดคุณสมบัติ ในเรื่องอายุที่กำหนดว่า อายุจะต้องไม่เกิน 60 ปี ในวันสมัครเข้ารับการสรรหา แต่เบื้องต้นที่ทราบในขณะนี้นายอำพลมีอายุเกิน 60 ปี แล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น