คอลัมนิสต์ดัง นสพ.ไทยโพสต์ เชียร์รองนายกฯ - รมว.กลาโหม ซื้อเรือดำน้ำจากจีน เชื่อเจ้าตัวเป็นคนดี ไม่มีนอก-มีใน แต่ข้องใจถูกสังคมมองแง่ลบ ย้ำ มีไว้สร้างภูมิคุ้มกัน ชาติอาเซียนมีหมดแล้ว แต่เราเป็นคุณหนูลอยคอ ยิ่งช้ายิ่งเสียโอกาส บอกชั้นความลับมีกันทุกคน ไม่จำเป็นต้องบอกต่อสาธารณะทั้งหมด ซัดของฝรั่งแพงแล้วยังอุบเคล็ดลับ ซื้อของจีนยังได้พัฒนาจากรัสเซีย มีเนื้อมีหนังติดประเทศ
วันนี้ (26 เม.ย.) หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ คอลัมน์ “คนปลายซอย” ของ “เปลว สีเงิน” หรือ นายโรจน์ งามแม้น คอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้เขียนบทความในหัวข้อ “ดำแล้วโผล่ ของพลเอกประวิตร” ระบุถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ไปเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา มูลค่ากว่า 13,500 ล้านบาท โดยไม่ได้บอกแก่สาธารณชน ว่า ตนหนักใจแทน พล.อ.ประวิตร ที่สังคมไม่เชื่อถือ ระแวง และยังตั้งคำถามถึงการซื้อเรือดำน้ำดังกล่าว ทั้งๆ ที่ตัว พล.อ.ประวิตร เป็นคนมีชาติตระกูล อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีเมีย ไม่มีลูก มักน้อยและสันโดษ อาศัยแค่บ้านพักในค่ายทหาร รวมทั้งเป็นคนที่มากบารมี เป็นที่รักของทุกพวกทุกฝ่าย แต่ทำไมถูกตีค่าสะท้อนออกมาเป็นลบอย่างนั้นไปได้
“ประเด็นซื้อเรือดำน้ำจีน 3 ลำ รวมราคา 36,000 ล้านบาท โดยมาก่อนหนึ่งลำในอีก 5 - 6 ปีข้างหน้านั้น ใครจะว่า พล.อ.ประวิตร ยังไงก็ช่าง สำหรับผม ด้วยความรู้สึกส่วนตัว ท่านคงไม่มีนอก - มีในอะไร ในด้านผลประโยชน์ส่วนตัวมากนัก นอกจากต้องการให้ไทยมีเรือดำน้ำ ตามวิสัยผู้มีภาระรับผิดชอบด้านความมั่นคง และก็ไม่ใช่ความต้องการด้วยกิเลส ตัณหา ตามเห่อ หากแต่เป็นความประสงค์บนฐานข้อมูลทางการทหารเพื่อสังคมประเทศ ผ่านวิสัยทัศน์ตอบสนองวิถีโลก ที่ผนวกเศรษฐกิจ การเมือง การทัพ การอำนาจ เข้าเป็นอำนาจใหม่อำนาจเดียว ที่จะมีอิทธิพลต่อสังคมโลก ยุครอยต่อสู่ศตวรรษใหม่ขณะนี้” เปลว สีเงิน กล่าว
เปลว สีเงิน กล่าวต่อว่า สังคมโลกต่อจากนี้ คำว่าพรมแดน จะค่อยๆ เหมือนโลกไซเบอร์ แต่ละประเทศจะถูกวัตถุและเทคโนโลยี สลายคำว่าพรมแดนให้หมดความหมายไปแบบนั้น ถึงขัดขืนก็ยากต่อต้าน แต่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันได้ เรือดำน้ำ 3 ลำ ที่จะอยู่ในความรับผิดชอบกองทัพเรือ อย่ามองว่าจะเอามารบกับใคร แต่ในความที่ไทยก็เป็นมนุษย์ร่วมสังคมอาเซียนประเทศหนึ่ง เรือดำน้ำทั้งอาเซียน มีทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ เขามีกันทั้งนั้น ถ้าเราไม่มี เราจะสวมห่วงยางเป็นคุณหนูอยู่บนผิวน้ำ โดยไม่รู้ว่าพวกเขาแอบทำอะไรกันอยู่ใต้น้ำบ้านเราอย่างนั้นหรือ วันนี้มันเป็นภาคบังคับทางสังคมภูมิภาค ที่ไทยเราจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำแล้ว เพราะโลกมาถึงยุค มนุษย์กินทรัพยากรธรรมชาติบนดินเกือบหมดแล้ว ถึงคราวต้องขุดหาสมบัติใต้น้ำกันแล้ว จึงจำเป็นที่เราต้องคุ้มครอง ป้องกัน ทั้งเรือสินค้า ทั้งทรัพยากรทางทะเลของเรา ไม่ใช่ซื้อมาหวังไปรบกับใคร
“ถ้าพูดถึงรบ คือ ขั้นสงคราม ไม่ต้องซื้อหรอก และไม่เพียงเรา พวกเราในอาเซียนที่มีอยู่แล้วก็เหอะ ไม่มีน้ำยาหรอก จะเอาเรือ - อาวุธที่ซื้อจากเขา ไปสู้กับเขาที่เป็นผู้ต่อ - ผู้ผลิต ทั้งเรือ ทั้งโคตรพ่อ - โคตรแม่ระเบิดทุกสถาบัน นั่น เหมือนเอาไม้จิ้มฟันไปสู้สากกะเบือ ที่ซื้อนี่ ซื้อในความหมาย ใช้เป็นมัดกล้าม ให้เดินข้อกางใต้น้ำ ดูเท่หน่อย นักกล้ามด้วยกัน เห็นแล้วยังต้องเกรงใจในกันและกัน ก็เท่านั้นแหละ สรุป ผมเห็นด้วย ที่ ครม. มีมติซื้อเรือดำน้ำจีน ความจริง เคยคุยตรงนี้ ยุให้ซื้อแต่ปีที่แล้วด้วยซ้ำ ยิ่งช้า ยิ่งเสียโอกาส เพราะแต่ละลำ ต้องใช้เวลา 5 - 6 ปี จะครบ 3 ลำ ก็เป็นสิบๆ ปีโน่นแน่ะ ไหนจะต้องส่งคนไปฝึกอีก ขืนช้า กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้เสียก่อน” เปลว สีเงิน ระบุ
เปลว สีเงิน ระบุอีกว่า เรื่องสมรรถภาพ - กลไกเรือ ที่พูดกันว่าของจีนสู้ของฝรั่งได้อย่างไร เราไม่ได้เอามาสู้ แต่เอามาใช้ เพราะโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ ฉะนั้น ตอนนี้ด้านที่หมุนเข้ารับแสงอาทิตย์ คือ โลกด้านตะวันออก ถึงยุคตะวันบูรพาแล้ว ของฝรั่งนอกจากแพงแล้ว มักจะปกปิดทีเด็ดเคล็ดลับ เกี่ยวกับเรือและอาวุธ ซื้อจากจีนที่พัฒนาจากเทคโนโลยีรัสเซีย มีแค่เครื่องยนต์ใช้ของฝรั่ง อย่างน้อย สบายใจด้านอะไหล่ ด้านซ่อมบำรุง ด้านถ่ายทอดเทคโนโลยี หากพลาดท่าของรัสเซีย ยังใช้ซ่อม ใช้แทนกันได้ยามฉุกเฉิน เหล่านี้ เป็นเหตุผลใช้อธิบายชาวบ้านที่สงสัยว่า ซื้อมาทำไม มีนอก - มีในอะไร ถึงได้ปิดข่าวไม่ยอมบอก
“เอะอะก็ ชั้นความลับ ลับน่ะ มันมีประจำตัวกันทุกคนแหละ จะบอกให้ เดือนกุมภาฯ เพื่อนชาวจีนที่ทำธุรกิจในไทย บอกผมว่า ไทยซื้อเรือดำน้ำจีนแล้วนี่ ผมบอกยัง เขาว่า ซื้อแล้ว รัฐบาลจีนออกข่าวเป็นทางการแล้ว หนังสือพิมพ์ที่ฮ่องกงยังลงข่าวเลย ความจริงก็รู้ ว่าไทยต้องซื้อแน่ ก็ขนาดนายกฯ ไปดูสถานที่ทำเป็นอู่เรือสัตหีบแล้ว อีกอย่าง ด้วยทางแยก ทางตัด ในเส้นทางร่วมเศรษฐกิจ การเมืองโลก ภาวะล้อหมุน มันจำเป็นต้องตัดสินใจไปทางหนึ่ง ดีกว่าแหกลงร่องกลาง ใช่ บางประเด็นเป็นความลับ ไม่จำเป็นต้องบอกต่อสาธารณะทั้งหมด แต่ภาพใหญ่ แค่ซื้อเรือดำน้ำจีน จะต้องไปกระบิดกระบวนอะไรนักหนา ซื้อก็บอกว่าซื้อ ด้วยงบกองทัพเรือผูกพัน 10 ปี อย่างน้อย มีเนื้อมีหนังติดประเทศ เป็นเรือดำน้ำ 3 ลำ ก็ยังดีกว่า 10 ปี งบกองทัพ ถูกใช้หมดไปปีต่อปี ขี้ก็ไม่มีเหลือให้เห็น การได้ฝึกบุคลากรกองทัพด้วยเทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะกับเรื่องเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นมิติใหม่ อันเราขาดตอนไปค่อนศตวรรษ เป็นการลงทุน ซื้อวิชาความรู้ อย่างหนึ่ง ใครจะค่อนขอด - สงสัยพลเอกประวิตรอย่างไร สำหรับผมในเรื่องนี้ ชิตัง เม (เราชนะแล้ว)” เปลว สีเงิน ระบุ
สำหรับบทความของ เปลว สีเงิน ระบุไว้ดังนี้
ก็หนักใจแทน “พลเอกประวิตร” นะ..........
ความที่ “ต้นทุนศรัทธา” ในตัวมีน้อย
เหตุนั้น ไม่ว่าพูดอะไร-ทำอะไร สังคมนอกจากไม่เชื่อถือแล้ว ยังระแวง และตั้งคำถามทุกเรื่อง
กรณี ไทยซื้อ “เรือดำน้ำ” จากจีน เห็นได้ชัด!
ทำไมสังคมจึงไม่เชื่อถือ ผมตอบแทนไม่ได้ แต่ถ้าถามว่า เขาไม่เชื่อถือจากสาเหตุใด?
ตรงนี้ ฟังจากที่เขาพูดจากันตามวงสนทนา ตามสื่อ ตามวงการทั้งระดับบนและระดับล่าง พอประมวลได้ ดังนี้
-เป็นทหารพ่อค้า
-แนบแน่นระบอบทักษิณ
-สมุน-บริวาร-คนรอบข้าง เป็นพิษ
-เป็นอำนาจสมประโยชน์กลุ่มทุน
-เป็น “นายกฯ คนนอกเงา” ของบางพรรค
เนี่ย...เขานินทากันอย่างนี้ ผมก็คงเหมือนท่าน คือไม่เชื่อ เพราะมันไม่ใช่
แต่ในเมื่อชาวบ้านสะท้อนภาพออกมาอย่างนี้ สิ่งที่พลเอกประวิตรควรทำ คือ
หยิบแต่ละมุมสะท้อนมาเป็นกระจก "ส่องตัวเอง" ว่าเพราะทำอะไร แบบไหน อย่างไร
ชาวบ้านจึงตีโจทย์ออกมาบิดเบี้ยวอย่างนั้น?
เนื่องจาก ในความเป็นจริง ด้วยสมบัติชาติตระกูลล้ำเหลือ แถม “ตัวคนเดียว” ลูก-เมียก็ไม่มี มักน้อย-สันโดษอีกตะหาก
คฤหาสน์ใหญ่โตก็ไม่มักมากจะเอา อาศัยแค่บ้านพักในค่ายทหารอยู่
แต่ไม่รู้ทำบุญมาด้วยอะไร คงด้วยเป็นประธานทอดกฐินแต่ละปีเฉียดร้อยล้านกระมัง จึงเกิดอานิสงส์
ไม่ว่าอยากได้-อยากกินแบบไหน แค่เปรย.........
บรรดาพ่อค้า สมุน บริวาร ที่รายล้อมรอรอบหัวกระได เช้า-สาย-บ่าย-เย็น และค่ำ แทบจะแย่งกันใส่พานถวายในบันดล!
โดยข้อเท็จจริงแล้ว พลเอกประวิตร ท่านเป็นคน “มากบารมี” เป็นที่รักของพรรคพวกทุกฝ่ายมากกว่า
ไม่ว่า ตำรวจ-ทหาร-พ่อค้า-ข้าราชการ-กลุ่มทุน-น้องๆ นุ่งๆ รวมทั้งที่ไม่ได้นุ่งด้วย ต่างรัก-ศรัทธา ในตัวท่าน
แต่ทำไม รัก-ศรัทธานั้น ถูกตีค่าสะท้อนออกมาเป็นลบอย่างนั้นไปได้ ผมก็ฉงนอยู่เหมือนกัน?
แต่ประเด็น “ซื้อเรือดำน้ำ” จีน ๓ ลำ รวมราคา ๓๖,๐๐๐ ล้าน โดยมาก่อนหนึ่งลำ ในอีก ๕-๖ ปี ข้างหน้า นั้น
ใครจะว่าพลเอกประวิตรยังไงก็ช่าง สำหรับผม ด้วยความรู้สึกส่วนตัว
ท่านคง “ไม่มีนอก-มีใน” อะไร ในด้านผลประโยชน์ส่วนตัว (มากนัก) นอกจากต้องการให้ไทยมีเรือดำน้ำ ตามวิสัยผู้มีภาระรับผิดชอบด้านความมั่นคง
และก็ไม่ใช่ความต้องการด้วยกิเลส-ตัณหา “ตามเห่อ”
หากแต่เป็นความประสงค์บนฐานข้อมูลทางการทหารเพื่อสังคมประเทศ ผ่านวิสัยทัศน์ตอบสนองวิถีโลก ที่ผนวก “เศรษฐกิจ-การเมือง-การทัพ-การอำนาจ”
เข้าเป็นอำนาจใหม่ “อำนาจเดียว”..............
ที่จะมีอิทธิพลต่อสังคมโลก ยุค “รอยต่อสู่ศตวรรษ” ใหม่ขณะนี้!
สังคมโลกต่อจากนี้
คำว่า “พรมแดน” ระหว่างประเทศต่อประเทศ ทั้งบนบก-ใต้น้ำ-ในอากาศ ความหมายทาง “สิทธิอาณาเขต” จะค่อยๆ เหมือน “โลกไซเบอร์”
คือ “สื่อสารไร้พรมแดน” แบบไหน
แต่ละประเทศจะถูก “วัตถุ+เทคโนโลยี” สลายคำว่าพรมแดนให้หมดความหมายไปแบบนั้น!
ถึงขัดขืน ก็ยากต่อต้าน......
แต่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อ “ป้องกัน” ได้!
เรือดำน้ำ ๓ ลำ ที่จะอยู่ในความรับผิดชอบกองทัพเรือ ก็อย่างนั้น อย่ามองว่า “จะเอามารบกับใคร” แต่ในความที่ไทยก็เป็นมนุษย์ร่วมสังคมอาเซียนประเทศหนึ่ง
แฟชั่นบนดิน-บนอากาศ ก็ประชันขันแข่ง นับจำนวน-นับรุ่นอวดกัน เบื่อไปแล้ว
ถึงยุคแฟชั่นใต้น้ำ หนุ่มๆ ด้วยกันทั้งอาเซียน ที่ว่ายน้ำเป็น ทั้งมาเลย์ อินโดฯ เวียดนาม สิงคโปร์ เขามีกันทั้งนั้น
ถ้าเราไม่มี เพื่อนๆ เขานัดดำมาปาร์ตี้กันก้นอ่าวไทยมั่ง ในฝั่งอันดามันมั่ง ไม่นับเรือที่ดำจากนอกอาเซียนเข้ามาแจม
แล้วเราจะสวมห่วงยางกระแด๊กๆ เป็นคุณหนูอยู่บนผิวน้ำ โดยไม่รู้เรื่อง-รู้ประสา ว่าพวกแอบเข้ามาทำอะไรกันอยู่ใต้สะดือบ้านเราอย่างนั้นหรือ?
วันนี้ มันเป็น “ภาคบังคับ” ทางสังคมภูมิภาค ที่ไทยเราจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำแล้ว
เพราะโลกมาถึงยุค มนุษย์กินทรัพยากรธรรมชาติ “บนดิน” เกือบหมดแล้ว
ถึงคราวต้อง “ขุดหาสมบัติใต้น้ำ” กันแล้ว!
มนุษย์ยุคหน้ามืด ไร้ศีล ไร้ธรรม วัดความถูก-ผิดที่เบอร์รองเท้าว่าใครจะใหญ่ บนดิน ถือภาษิต “มือใครยาว สาวได้-สาวเอา”
ใต้ดิน ก็กำลังถือภาษิต “ใครดำได้-ดำเอา”!
อย่างนั้น เขตแดนประสิทธิภาพ “ทาง(ใต้)น้ำ” จึงจำเป็นที่เราต้องคุ้มครอง-ป้องกัน ทั้งเรือสินค้า ทั้งทรัพยากรทางทะเลของเรา
ไม่ใช่ซื้อมาหวังไปรบกับใคร
ถ้าพูดถึงรบ คือขั้นสงคราม ไม่ต้องซื้อหรอก และไม่เพียงเรา พวกเราในอาเซียนที่มีอยู่แล้วก็เหอะ
“ไม่มีน้ำยาหรอก”!
จะเอาเรือ-อาวุธที่ “ซื้อจากเขา” ไปสู้กับเขาที่เป็นผู้ต่อ-ผู้ผลิต ทั้งเรือ ทั้งโคตรพ่อ-โคตรแม่ระเบิดทุกสถาบัน
นั่น เหมือนเอาไม้จิ้มฟันไปสู้สากกะเบือ!
ที่ซื้อนี่ ซื้อในความหมาย ใช้เป็น “มัดกล้าม” ให้เดินข้อกางใต้น้ำ ดูเท่หน่อย
นักกล้ามด้วยกัน เห็นแล้วยังต้องเกรงใจในกันและกัน ก็เท่านั้นแหละ
สรุป ผมเห็นด้วย ที่ ครม.มีมติ ซื้อเรือดำน้ำจีน!
ความจริง เคยคุยตรงนี้ ยุให้ซื้อแต่ปีที่แล้วด้วยซ้ำ ยิ่งช้า ยิ่งเสียโอกาส เพราะแต่ละลำ ต้องใช้เวลา ๕-๖ ปี จะครบ ๓ ลำ ก็เป็นสิบๆ ปีโน่นแน่ะ
ไหนจะต้องส่งคนไปฝึกอีก ขืนช้า กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้เสียก่อน!
เรื่องสมรรถภาพ-กลไกเรือ นอกเหนือปัญญาผมจะเสือก
พูดได้เพียงทัศนประเด็น คือที่พูดกันว่า “ของจีนสู้ของฝรั่งได้อย่างไร”? นั้น
ประเด็นนี้ ไม่มีอะไรต้องเถียง
เราไม่ได้เอามาสู้ แต่เอามาใช้ ต้องเข้าใจว่า เพราะโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ ฉะนั้น ตอนนี้ด้านที่หมุนเข้ารับแสงอาทิตย์
คือโลกด้านตะวันออก..........
ถึงยุค “ตะวันบูรพา” แล้ว!
ดังนั้น เราจะเอาปัจจุบัน ถอยกลับไปผูกติดอดีต แล้วทึกทักเป็นอนาคตเพื่ออะไร
มิสู้เอาอดีตเป็นปุ๋ยให้ปัจจุบัน เดินหน้าไปสู่อนาคตแห่งตะวันบูรพา มิดีกว่าหรือ?
ของฝรั่ง นอกจากแพงแล้ว เรื่องอะไรมันจะบอก “ทีเด็ด-เคล็ดลับ” เกี่ยวกับเรือ-กับอาวุธให้ทั้งหมด
ขืนบอกหมด ตอนดำเข้ามา แล้วมันจะสยบเรือที่สร้างกะมือขายเราได้อย่างไร เราก็ซัดมันตายก่อนน่ะซี?
เพราะอย่างนี้ ซื้อจากจีนที่พัฒนาจากเทคโนโลยีรัสเซีย มีแค่เครื่องยนต์ใช้ของฝรั่ง จะเหมือน สิบเบี้ยใกล้มือ ดีกว่าทองคำในหีบไกลมือ
อย่างน้อย สบายใจด้านอะไหล่ ด้านซ่อมบำรุง ด้านถ่ายทอดเทคโนโลยี
พลาดท่า ของรัสเซีย ยังใช้ซ่อม-ใช้แทนกันได้ยามฉุกเฉิน!
เนี่ย....เหล่านี้ เป็นเหตุผลใช้อธิบายชาวบ้านที่สงสัยว่า ซื้อมาทำไม มีนอก-มีในอะไร ถึงได้ปิดข่าว ไม่ยอมบอกชาวบ้าน
เอะอะก็....ชั้นความลับ!
ลับน่ะ...มันมีประจำตัวกันทุกคนแหละ จะบอกให้ เดือนกุมภาเพื่อนชาวจีนที่ทำธุรกิจในไทย บอกผมว่า “ไทยซื้อเรือดำน้ำจีนแล้วนี่”
ผมบอกยัง...ยัง
เขาว่า ซื้อแล้ว รัฐบาลจีนออกข่าวเป็นทางการแล้ว หนังสือพิมพ์ที่ฮ่องกงยังลงข่าวเลย
ความจริงก็รู้ ว่าไทยต้องซื้อแน่ ก็ขนาดนายกฯ ไปดูสถานที่ทำเป็นอู่เรือสัตหีบแล้ว
อีกอย่าง ด้วยทางแยก-ทางตัด ในเส้นทางร่วม “เศรษฐกิจ-การเมืองโลก”
ภาวะล้อหมุน มันจำเป็นต้องตัดสินใจไปทางหนึ่ง ดีกว่าแหกลงร่องกลาง!
ใช่...“บางประเด็น” เป็นความลับ ไม่จำเป็นต้องบอกต่อสาธารณะทั้งหมด
แต่ภาพใหญ่ แค่ซื้อเรือดำน้ำจีน จะต้องไปกระบิดกระบวนอะไรนักหนา ซื้อก็บอกว่าซื้อ ด้วยงบกองทัพเรือผูกพัน
๑๐ ปี อย่างน้อย มีเนื้อ-มีหนังติดประเทศ เป็นเรือดำน้ำ ๓ ลำ
ก็ยังดีกว่า ๑๐ ปี งบกองทัพ ถูกใช้หมดไปปี-ต่อปี ขี้ก็ไม่มีเหลือให้เห็น!
การได้ฝึกบุคลากรกองทัพด้วยเทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะกับเรื่องเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นมิติใหม่ อันเราขาดตอนไปค่อนศตวรรษ
เป็นการลงทุน “ซื้อวิชาความรู้” อย่างหนึ่ง ใครจะค่อนขอด-สงสัยพลเอกประวิตรอย่างไร สำหรับผมในเรื่องนี้
“ชิตัง เม” ครับ!"