“ประยุทธ์ - นายกฯ บาห์เรน” ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลง 3 ฉบับ ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร - เว้นการเก็บภาษีซ้อน - ความร่วมมือระหว่าง ม.สงขลาฯ กับ ม.บาห์เรน
วันนี้ (25 เม.ย. 60) เวลา 11.45 น. ณ กรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน นายกรัฐมนตรีพบหารือทวิภาคีแบบเต็มคณะกับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
นายกรัฐมนตรีรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนราชอาณาจักรบาห์เรน ตามคำเชิญของท่านนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ในนามของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และคณะผู้แทนไทย นายกรัฐมนตรีรู้สึกซาบซึ้งใจในพระกรุณาธิคุณของ นายกรัฐมนตรีบาห์เรน และขอขอบคุณรัฐบาลบาห์เรนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ที่ผ่านมา บาห์เรนเป็นมิตรแท้และเป็นมิตรที่สำคัญของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลาง ดังนั้น การเยือนบาห์เรนเป็นประเทศแรกในภูมิภาคตะวันออกกลาง จึงเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญ และ ความเป็นมิตรระหว่างไทยกับบาห์เรน นอกจากนี้ ปีนี้ยังเป็นวาระสำคัญ เนื่องจากเป็นโอกาสการครบรอบ 40 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ นายกรัฐมนตรีมีความยินดีที่ได้มีโอกาสร่วมเป็นประธานในการประชุมเต็มคณะครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ทบทวนประเด็นความร่วมมือที่ได้เกิดขึ้นแล้ว และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านใหม่ๆ ที่สามารถผลักดันเป็นประโยชน์ร่วมกันในอนาคต
ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสัมพันธ์อันดีตลอดระยะเวลาสี่ทศวรรษของมิตรภาพระหว่างสองราชอาณาจักร นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ ทางการทูตเมื่อปี 2520 ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบาห์เรนมีจุดเด่นที่สำคัญอันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ใกล้ชิด ประเทศไทยซาบซึ้งที่บาห์เรนให้การสนับสนุนพัฒนาการทางการเมืองของไทย และในขณะเดียวกัน ไทยก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนพัฒนาการทางการเมืองของบาห์เรนด้วย
นอกจากนี้ ไทยมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบาห์เรน และ นายกรัฐมนตรีแห่งบาห์เรน ได้ทรงมีข้อความพระราชสาส์นและข้อความลายพระหัตถ์ แสดงความอาลัย ในการสวรรคตของสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รวมถึงถวายพระพรสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในโอกาสขึ้นทรงราชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไทยรู้สึกซาบซึ้งที่นายกรัฐมนตรีบาห์เรน เสด็จไปถวายความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ด้วย
ด้านการค้าและการลงทุน การค้าระหว่างไทย กับบาห์เรน เมื่อปีที่ผ่านมา มีมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในด้านการลงทุน ทั้งสองประเทศหวังที่จะเพิ่มพูนการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยผลักดันการเติบโตของการค้าการลงทุนทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ ซึ่งทั้งสองฝ่ายหวังจะขจัดอุปสรรคและประเด็นที่คั่งค้างระหว่างกันเพื่ออำนวยความสะดวกการค้าการลงทุน พร้อมเห็นว่าควรกระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้น และเสริมสร้างโอกาสการค้าการลงทุนแก่นักธุรกิจของทั้งสองประเทศด้วย
ด้านการท่องเที่ยวไทยยินดีที่ในปี 2559 นักท่องเที่ยวชาวบาห์เรนกว่า 30,000 คน เดินทางมาเยือนประเทศไทย และหวังว่า จำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ ทั้งสองประเทศสามารถร่วมกันผลักดันความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยว โดยใช้ประโยชน์จากกลไกความร่วมมือที่มีอยู่แล้ว นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือกับฝ่ายบาห์เรนด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ไทยมีความถนัดอีกด้วย
ด้านการเกษตร ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทยกับบาห์เรน ซึ่งจะเป็นกรอบในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญและพร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายบาห์เรน
ด้านความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ทั้งสองประเทศมีวัตถุประสงค์ร่วมกันที่จะส่งเสริมสันติภาพความมั่นคง และความมั่งคั่งให้บังเกิดแก่ภูมิภาคของตน โดยดำเนินการผ่านกรอบความร่วมมือพหุภาคี อาทิ สหประชาชาติ กรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) องค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) และกรอบความร่วมมืออาเซียน - GCC ทั้งนี้ ฝ่ายไทยขอขอบคุณฝ่ายบาห์เรนต่อความพยายามที่จะให้การสนับสนุน ไทยในกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบ OIC และ ACD
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไทยพร้อมเพิ่มพูนและขยายความร่วมมือกับบาห์เรนในหลายสาขาที่จะยังประโยชน์ให้แก่ทั้งสองฝ่าย อาทิ ด้านสาธารณสุข ไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับบาห์เรนในด้านการค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้แพทย์ผู้ชำนาญของไทยเข้าร่วมโครงการ Visiting Doctor Programme ของบาห์เรน และการจัดให้มีผู้ประสานงานด้านความร่วมมือทางสาธารณสุขระหว่างกัน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่าย สามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงด้านสาธารณสุขที่มีอยู่แล้ว ซึ่งได้ลงนามไปเมื่อปี 2551
ด้านความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งสองฝ่ายพร้อมให้ความร่วมมือกันเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย การค้ามนุษย์ และยาเสพติด โดยจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายหารือแนวทางที่จะผลักดันความร่วมมือในเรื่องนี้ต่อไป
สำหรับประเทศไทย นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไทยจะพยายามอย่างเต็มความสามารถในการส่งเสริมความร่วมมือกับรัฐบาลบาห์เรน เพื่อประโยชน์และความมั่งคั่ง ร่วมกันระหว่างทั้งไทยกับบาห์เรน และประชาชนของทั้งสองราชอาณาจักร และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีบาห์เรนในการเยือนไทยในเร็ววันนี้ เพื่อสานต่อมิตรภาพอันดีระหว่างกัน
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีบาห์เรน ได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรบาห์เรน 3 ฉบับ ได้แก่
(1) บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงกิจการ เทศบาลและผังเมืองแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร
(2) พิธีสารแก้ไขอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้
(3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กับมหาวิทยาลัยบาห์เรน