อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทนไม่ได้เปลี่ยนหมุดคณะราษฎร ยกมีคุณค่าประวัติศาสตร์ เชื่อมีวางแผนล่วงหน้า ซัดการกระทำกระทบกระเทือนจิตใจ ไม่คำนึงความปรองดอง
วันนี้ (18 เม.ย.) นายพิชัย รัตตกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกแถลงการณ์กรณีมีผู้มาเปลี่ยนหมุดคณะราษฎร หลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ หายไปจากที่เดิม ระบุว่า “หมุดนั้นสำคัญไฉน? มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อคณะราษฎร์ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นั้น ผมเพิ่งมีอายุ 6-7 ขวบ ไม่รู้ประสีประสาอะไร แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็มีโอกาสได้พบ และให้ความเคารพแก่ผู้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 หลายท่าน เช่น อาจารย์ปรีดี พนมยงค์, จอมพล ป. พิบูลสงคราม, พลเอก หลวงเสรีเรืองฤทธิ, พันตรี ควง อภัยวงค์ และคุณชุณห์ ปิณฑานนท์ เป็นต้น”
นายพิชัยระบุต่อว่า ตนไม่ทราบมาก่อนเลยว่าคณะราษฎรได้ทำหมุดเกี่ยวกับเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น และนำไปฝังไว้ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า มาทราบอีกทีและเป็นครั้งแรกก็เมื่อมีข่าวว่ามีคนมาขุดเอาหมุดนี้ออกแล้วนำหมุดใหม่มาใส่แทนที่ แสดงว่าใครก็ตามที่ทำการนี้จะต้องมีแผนการไว้ล่วงหน้า หมุดนี้ไม่ใช่หมุดหัวจ่ายน้ำประปา หมุดเดิมที่คณะราษฎรได้นำมาฝังไว้ 85 ปีมาแล้ว อาจจะไม่มีค่างวดอะไรนัก แต่ค่างวดของหมุดนี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และทางจิตใจอย่างยิ่ง ไม่สามารถนำมาคำนวณเป็นตัวเงินได้ ผู้ที่กระทำการเอาหมุดเดิมออก ไม่ได้คิดสักนิดว่าการกระทำของเขากระทบกระเทือนจิตใจ และความรู้สึกที่ไม่ดีต่อผู้กระทำอย่างมาก และเป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงความปรองดอง ความรักใคร่สามัคคีของชนในชาติเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็แสนจะดี โดยแจ้งให้ผู้ไปแจ้งความว่า “ใครเป็นเจ้าของหมุด ต้องให้เจ้าของมาแจ้งความเอง” ตนก็อายุมากแล้วอยากเห็นบ้านเมืองเรียบร้อย ประชาชนมีความรักใคร่ปรองดองกัน แต่เหตุการณ์เรื่องหมุดนี้ไม่นำไปสู่สิ่งที่อยากเห็นเลย อย่ามาพูดว่าให้มารักกันด้วยปาก อย่ามาพูดให้ปรองดองกันด้วยปาก ตราบใดที่ขาดความจริงใจ ตราบนั้นบ้านเมืองของเราก็ย่ำอยู่กับที่
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามนายพิชัยถึงแถลงการณ์ดังกล่าว โดยนายพิชัยกล่าวยืนยันว่า ตนเป็นคนเขียนเองเมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 เม.ย. เพราะเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น่าทำเลย ไม่เห็นใจคนว่ากระทบกระเทือนจิตใจขนาดไหน ตนทนไม่ได้ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ก่อการสมัยนั้นเลย แต่เห็นว่าไม่ยุติธรรม