กฤษฎีกาเบรกบอร์ดแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) ชง ครม.เสนอปรับบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือน-เพิ่มเงินเดือนพนักงาน เหตุมีพนักงาน ธ.ก.ส.เข้าร่วมประชุมในบอร์ด ย้ำชัดขัดต่อหลักความเป็นกลางตามหลักกฎหมายวิธีสบัญญัติทั่วไป ห้ามมิให้บุคคลพิจารณาวินิจฉัยเรื่องที่ตนมีส่วนได้ส่วนเสีย
วันนี้ (16 เม.ย.) มีรายงานสำนักงานคณะกรรการกฤษฎีกา ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรการกฤษฎีกา ได้เผยแพร่บันทึกเรื่องเสร็จที่ 377/2560 ของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เรื่อง ปัญหาความเป็นกลางในคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) กรณีกรรมการฝ่ายลูกจ้างเป็นพนักงานขอรัฐวิสาหกิจที่คณะกรรมการฯ จะพิจารณาให้คามเห็นชอบให้ปรับบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงาน
ทั้งนี้ ภายหลังกรมสวัสดิการและคุมครองแรงงาน ได้ทำหนังสือหารือว่า กรณีดังกล่าวถือว่ากรรมการถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ เนื่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ได้เสนอเรื่องต่อ ครรส.เพื่อขอความเห็นชอบในการปรับบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงาน
ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา 13 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติแรงงานวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 ที่กำหนดให้รัฐวิสาหกิจที่จะปรับปรุงสภาพการจ้างงานที่เกี่ยวกับการเงินที่อยู่เหนือนอกจากที่กำหนดในมาตรา 13 (2) (สภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินซึ่งรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งอาจดำเนินการได้) จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก ครรส. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนที่จะดำเนินการได้
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าการประชุม ครรส.เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2559 ปรากฏว่ามีนายเอกศักดิ์ เมืองแก้ว กรรมการฝ่ายลูกจ้างใน ครรส.ซึ่งเป็นพนักงานใน ธ.ก.ส.ร่วมประชุมอยู่ด้วย จะเป็นคู่กรณีหรือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งนี้ ตามความเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายแรงงาน กรมสวัสดิการและคุมครองแรงงานสองฝ่าย ระบุว่า ฝ่ายแรก มติ ครรส.เป็นคำสั่งทางปกครอง เนื่องจากการพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบของ ครรส. มีผลกระทบต่อการปรับบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนฯ ของพนักงาน ธ.ก.ส. หาก ครรส.ไม่ให้ความเห็นชอบ ย่อมไม่สามารถส่งเรื่องให้ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบได้ จึงกระทบสิทธิต่อพนักงาน ธ.ก.ส.ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง
ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่า มติ ครรส.ยังไม่ใช่คำสั่งทางปกครอง แต่เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการพิจารณาที่จะนำปสู่การมีคำสั่งทางปกครอง มติ ครรส.ยังไม่มีผลกระทบต่อสิทธิพนักงาน ธ.ก.ส.โดยตรง เพราะแม้ว่า ครรส.จะมีมติเห็นชอบแล้ว แต่ต้องเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบต่อไป รัฐวิสาหกิจจึงจะดำเนินการปรับปรุงสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินได้ ขณะที่กรมสวัสดิการและคุมครองแรงงาน มีมติว่า กรณีมติของ ครรส. ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ทำให้กรณีของนายเอกศักดิ์จึงถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียตามาตรา 13 (1) แห่งพระราชบัญญัติปฏิบัติราชการทางปกครองฯ และไม่สามารถอยู่ในที่ประชุมเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและลงมติได้
มีรายงานว่า คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ในสำนักงานคณะกรรการกฤษฎีกา มีความเห็นในประเด็นว่า ตามาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 กำหนดว่า วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง กำหนดหลักเกณฑ์เฉพาะคำสั่งทางปกครอง จึงมิใช่บังคับแก่การออกกฎสำหรับการปรับบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงาน ธ.ก.ส.นั้น จะต้องกระทำโดยการแกข้อบังคับ ธ.ก.ส.ฉบับใหม่ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ ธ.ก.ส.ว่าด้วยอัตราตำแหน่งและเงินเดือนสำหรับพนักงานอันเป็นการดำเนินการที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไปแก่พนักงาน ธ.ก.ส.มิได้มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่บุคคลใดเป็นการเฉพาะ จงมีลักษณะเป็นกฎตามาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
“ดังนั้น การที่ ครรส.จะพิจารณาให้ความเห็นชอบให้ ธ.ก.ส.ปรับบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงาน ก่อนนำเสนอ ครม.เพื่อมีมติให้คามเห็นชอบตามกำหนดในมาตรา 13 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติแรงงานวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 อันเป็นขั้นตอนการเตรียมการและการดำเนินการเพื่อออกกฎ ขึงไม่อยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่งรวมถึงบทบัญญัติมาตรา 13 ที่กำหนดเหตุต้องห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ทำการพิจารณาทางปกครองด้วย”
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการพิจารณาของ ครรส.ในกรณีดังกล่าวจะไม่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ทั้งไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายหรือกฎระเบียบข้อบังคับอื่นใดที่ห้ามมิให้กรรมการใน ครรส.ทำการพิจารณาเรื่องที่ตนมีส่วนได้ส่วนเสีย แต่โดยหลักการความเป็นกลางของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเป็น “หลักกฎหมายทั่วไป” ที่ผูกพันการดำเนินการทั้งปวงของฝ่ายปกครอง ไม่เฉพาะแต่การดำเนินการในส่วนที่เป็นการพิจารณาเพื่อออกคำสั่งทางปกครองเท่านั้น กรณีของนายเอกศักดิ์ จึงอยู่ในข่ายที่จะได้รับประโยชน์จากการปรับบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงาน ธ.ก.ส. จึงขัดต่อหลักความเป็นกลางตามหลักกฏหมายวิธีสบัญญัติทั่วไปที่ห้ามมิให้บุคคลพิจารณาวินิจฉัยเรื่องที่ตนมีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนั้นกรณีนี้นายเอกศักดิ์ จึงไม่ควรเข้าร่วมประชุม ครรส.เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว