xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ สั่งสอบแก๊งหลอกขายทัวร์ญี่ปุ่น แนะเช็กให้ดีอย่าเชื่อง่าย รมว.ท่องเที่ยว เผยแจ้งความแล้ว 470 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรี เผย กำลังสอบบริษัทขายอาหารเสริมหลอกขายพ่วงทัวร์ญี่ปุ่น พบโดนหลอกกว่า 2,000 คน ชี้ ทำอะไรต้องตรวจสอบให้ดี เซ็งเวลาพูดไม่ค่อยเชื่อ แล้วถูกโกง ลั่นตนไม่โกง แนะอย่าเชื่ออะไรง่าย รับอยากจัดการปัญหาแชร์แต่ทำไม่ได้ เป็นเรื่องของศาล ด้าน รมว.ท่องเที่ยวฯ ระบุ มี 470 คน แจ้งความแล้ว ให้ตำรวจท่องเที่ยวเป็นแม่งานรับเรื่องที่สุวรรณภูมิ วอนชาวบ้านระวัง ยันแพกเกจต่ำกว่าทุนเป็นไปไม่ได้ นัดแถลงบ่ายนี้ ระบุ ส่อเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ด้าน รมต.สำนักนายกฯ เตรียมคุยสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หาทางจัดการ

วันนี้ (12 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีบริษัทขายอาหารเสริมหลอกขายพ่วงแพกเกจญี่ปุ่น จนมีผู้เสียหายจำนวนมาก ว่า ขณะนี้กำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอยู่ เบื้องต้นทราบว่ามีผู้เสียหายถึง 2,000 คน ที่ถูกหลอก นี่ไง การจะทำอะไรก็ตามจะต้องตรวจสอบให้ดี บริษัทเป็นอย่างไร ถ้าไม่ตรวจสอบ พอมีเรื่องขึ้นมาแล้วเป็นยังไง 2,000 คน ไม่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงสงกรานต์ ทุกคนวางแผนพาพ่อแม่พี่น้องจะไปเที่ยวก็ไม่ได้ไป เงินก็เสีย นี่คือ สิ่งหนึ่งที่คนไทยเชื่อคนง่าย

“เวลาผมพูดไม่ค่อยเชื่อ แต่เวลาคนอื่นพูดเชื่อ แล้วก็ถูกโกง ผมไม่ได้ว่าผมดีกว่า เพียงแต่ผมไม่โกง ฉะนั้น อย่าไปเชื่ออะไรง่ายๆ ราคาถูกอย่างเดียว อย่างนู้นอย่างนี้ ฟังเขาพูดแล้วไม่ได้เช็ก แล้วก็ถูกหลอก กรณีแชร์ก็เป็นปัญหา กี่รายที่เดือดร้อน แล้วรัฐบาลจะทำอย่างไร ถ้าเกิดแบบนี้แล้วรัฐบาลเข้าไปดูแลในทางกฎหมายมันไม่ใช่ ผมก็อยากจะดูแล เพียงแต่มันทำไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องการฟ้องร้อง ว่ากันไป คดีความอยู่ในศาลต้องให้เขาทำงานอย่าไปเร่งเลย ผมไม่เร่งคดีใครทั้งสิ้น เพียงแต่เอาคดีเข้าสู่กระบวนการ แล้วก็จบหน้าที่ของผม เป็นเรื่องของศาล อัยการ ไปว่ากันมา เคารพกันเสียบ้าง ขอบคุณ ขอให้ 2,000 คน เดินทางไปที่ไหนก็ขอให้ปลอดภัย ขอให้ได้ไปเถอะ” นายกฯ กล่าว

ด้าน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานมีผู้เสียหายที่ได้เข้าแจ้งความอย่างเป็นทางการแล้วจำนวน 470 คน และเชื่อว่า จะมีจำนวนมากกว่านี้ ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจท่องเที่ยวกำลังดำเนินการรับเรื่องร้องเรียนอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเป็นแม่งานในการดำเนินคดีทั้งหมด สำหรับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะดูแลนักท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ หรือสิ่งที่นักท่องเที่ยวควรได้รับ ซึ่งมาตรการของกระทรวงการท่องเที่ยว คือ การประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนได้รู้เท่าทันพวกขบวนการดังกล่าว โดยเฉพาะแพกเกจทัวร์ที่ต่ำกว่าทุนนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว จึงขอให้ประชาชนได้มีความระมัดระวัง และซื้อแพกเกจทัวร์ที่บริษัททัวร์จดทะเบียนกับกระทรวงการท่องเที่ยวฯเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีบริษัททิ้งลูกทัวร์

“สำหรับกรณีนี้อาจจะเข้าข่ายธุรกิจแชร์ลูกโซ่ และ ยังพบอีกว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้ยื่นขอจดทะเบียนประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการนำเที่ยว ซึ่งในเวลา 13:00 น. ดิฉันจะได้แถลงข่าวที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าว

ด้าน นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า เท่าที่ทราบจากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภครายงานว่า บริษัทดังกล่าวไม่ได้จดทะเบียนขายตรงกับทางสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคและในเวลา 10.00 น. ของวันเดียวกันนี้ ตนจะได้หารือกับผู้บริหารสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหาแนวทางดำเนินการจัดการกับกรณีดังกล่าว

ขณะที่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กแฟนเพจ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ได้เผยแพร่คำชี้แจงกรณีดังกล่าว ว่า ชี้แจงกรณีสมาชิกบริษัท WealthEver ถูกหลอกซื้อทัวร์ญี่ปุ่น ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ในขณะนี้ กรณีสมาชิกของบริษัทแห่งหนึ่ง ซื้อทัวร์และเดินทางด้วยเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำเพื่อไปท่องเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 11 - 16 เมษายน 2560 ในราคาคนละ 13,130 บาท และได้จ่ายเงินซื้อทัวร์ ดังกล่าวไปแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาเดินทาง ปรากฏว่า ไม่มีเที่ยวบินเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ทำให้กลุ่มสมาชิกที่ซื้อทัวร์ตกค้างที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นจำนวนมาก และจากกรณีดังกล่าว มีการกล่าวอ้างว่าบริษัท ได้จดทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรงกับทาง สคบ. นั้น

กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรง ไม่พบว่าบริษัทดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจขายตรงจาก สคบ. แต่อย่างใด อีกทั้งการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการนำเที่ยว ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ซึ่งนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ไม่สามารถรับจดทะเบียนให้ประกอบธุรกิจขายตรงได้
กำลังโหลดความคิดเห็น