xs
xsm
sm
md
lg

สตง.จี้ผู้บริหาร กทม.บังคับใช้ กม.คุมอาคาร ปูด! ป้ายยักษ์กว่า 200 แห่ง เมินคำสั่งให้รื้อถอนตั้งแต่ปี 58

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สตง.จี้ผู้บริหาร กทม.เร่งแก้ปัญหาการดำเนินงานการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารในเขต กทม. หลังพบตลอด 3 ปีมีปัญหาเพียบ พบ 2,561 อาคาร รวมทั้งอาคารที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จไม่ยื่นรายงานตรวจสอบอาคาร 9 ประเภท แถมยังพบโรงภาพยนตร์ใน กทม.241 โรงเพิกเฉย เหตุ กทม.ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง แถมเมินรื้อป้ายขนาดใหญ่กว่า 200 แห่ง แม้มีคำสั่งให้รื้อถอนตั้งแต่ปี 2558

วันนี้ (5 เม.ย.) มีรายงานจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า สตง.ได้เผยแพร่รายงานการตรวจสอบการดำเนินงานการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารในเขตกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี 2556-2558 พบว่า อาคารที่เข้าข่ายต้องยื่นรายงานตรวจสอบสภาพอาคารของ กทม. ส่วนใหญ่ไม่มีการยื่นรายงานต่อกองคบคุมอาคาร สำนักการโยธา ตามที่กฎหมายกำหนด ตามแผนปฏิบัติการตรวจสอบอาคาร 9 ประเภท โดยมีผลการตรวจสอบเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2559 สรุปว่า มีอาคารจำนวน 3,372 แห่ง จากอาคารทั้งหมด 7,683 แห่ง โดยมีอาคารที่ไม่ยื่นรายงานตรวจสอบ 2,765 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 82 ของอาคารที่เข้าข่าย ซึ่งหน่วยที่ดังกล่าวมีหนังสือแจ้งเตือนให้ดำเนินการภายใน 60 วันนับตั้งแต่แจ้งเตือนแล้ว

“แต่กลับมีอาคารเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ 2,561 แห่ง ร้อยละ 90.99 ของอาคารที่ไม่ยื่นรายงานตรวจสอบ ซึ่งยังไม่รวมอาคารที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและไม่ยื่นรายงานตรวจสอบตั้งแต่ ปี 2555-2559 เนื่องจาก กทม.ยังไม่มีการจัดทำฐานข้อมูล ซึ่ง สตง.ให้ข้อสังเกตว่า กทม.ยังไม่มีมาตรการดำเนินการกับเจ้าขงอาคารที่มีการเพิกเฉยไม่ยื่นรายงานตรวจสอบสภาพอาคาร”

สตง.ยังพบว่า ระบบป้องกันอัคคีภัยในอาคารโรงภาพยนตร์ที่ กทม.ตรวจสอบระหว่างวันที่ 2-17 ส.ค. 2559 จำนวน 330 โรง ในอาคาร 44 แห่ง หรือ 100% ไม่เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด โดยเฉพาะอุปกรณ์ประกอบอาคารที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย เช่น บานประตูโรงภาพยนตร์เป็นวัสดุที่ทำจากไม้ ป้ายบอกแนวทางเดิน ป้ายบอกทางหนีไฟ และป้ายห้ามสูบบุหรี่ มองเห็นไม่ชัดเจน ไม่ครอบคลุมทั่วพื้นที่ หรืออาจมีลักษณะของป้ายที่ไม่เหมือนกัน

ทั้งนี้ กทม.ได้ทำหนังสือด่วน แจ้งไปยังเจ้าของอาคารผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ทั้ง 330 โรง ให้ดำเนินการแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งได้ครบกำหนดเมื่อวันที่ 17 ก.ย.2559 และมีการแก้ไข ณ วันที่ 12 ธ.ค. 2559 พบว่าโรงภาพยนตร์ทั้ง 330 โรง ยังไม่ได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ 89 โรง คิดเป็น 26.97 ของโรงภาพยนตร์ทั้งหมด ที่ขอขยายเวลาแก้ไขเพิ่มเติม ขนาดที่โรงภาพยนตร์อีก 241 โรง หรือ ร้อยละ 73.03 ยังคงเพิกเฉย ไม่มีการดำเนินการใดๆ

โดย สตง.ตั้งข้อสังเกตว่า กทม.ยังไม่มีมาตรการดำเนินการกับเจ้าของอาคารที่ประกอบการโรงภาพยนตร์ที่เพิกเฉย ไม่ดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามกฎหมาย

รายงานฉบับนี้ยังพบว่า ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ผิดกฎหมายไม่มีการรื้อถอนตามคำสั่ง และยังใช้ประโยชน์ จากข้อมูลจากสำนักงานเขตต่าง ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2558 มีป้ายขนาดใหญ่ 1,067 แห่ง ป้ายผิดกฎหมาย 242 ป้าย หรือร้อยละ 22.68 ของป้าย จำแนกเป็นป้ายที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต 212 ป้าย ก่อสร้างผิดแบบ 30 ป้าย ในพื้นที่เขตลาดกระบัง มีป้ายผิดกฎหมายมากที่สุด 35 ป้าย โดยมีคำสั่งให้รื้อถอน 31 ป้าย ที่ยังฝ่าฝืน

“สตง.พบว่าปัจจุบันป้ายที่มีคำสั่งให้รื้อถอนยังคงมีการใช้ประโยชน์ 25 ป้าย หรือร้อยละ 80.65 ของป้ายที่มีคำสั่งให้รื้อถอน โดยเกิดปัญหาที่ว่า กทม.ยังไม่มีฐานข้อมูลในการบริหารงานบังคับใช้กฎหมาย ประกอบด้วย 1. ฐานข้อมูลเพื่อการวางแผนอาคาร กลับไม่มีการจัดทำ เช่น จำนวน ประเภท อายุ จำนวนชั้นของอาคารทำให้ขาดข้อมูลในการทำแผนตรวจสอบ 2. ฐานข้อมูลเพื่อการตรวจสอบ ที่มีการจัดในลักษณะสมุดทะเบียน (Manual) ของแต่ละสำนักงานเขต ไม่มีการประมวลผลในภาพรวม และ 3. ฐานข้อมูลเพื่อการติดตามผล ไม่พบว่ามีการจัดทำสมุดทะเบียนคุมคดีอาคาร การบนทุกรับคดี การจัดแฟ้มคดีอย่างมีระบบ เมื่อมีการโยกย้ายทำให้บางคดีไม่มีเอกสารที่ชุดเจน
กำลังโหลดความคิดเห็น