นายกฯ เปิดเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว แบริ่ง - สมุทรปราการ ให้ของขวัญทดลองขึ้นฟรีตลอดปี 60 ขอบคุณชาวบ้านเชื่อมั่นร่วมมือ ระบุ ใช้ กม. หรือ ม.44 ก็ทำอะไรไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือ ย้ำ ชาวบ้านต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าสมัยที่ผ่านมา ขอแค่พยายามเข้าใจสิ่งที่ รบ. ทำ ติติงสิ่งที่เกิดประโยชน์
วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ จำนวน 1 สถานี จากสถานีสำโรง - สถานีแบริ่ง ณ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสำโรง (E15) (หน้าสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ) โดยนายกรัฐมนตรี ชมนิทรรศการแสดงความเป็นมาของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ รวมถึงผลดำเนินการ และความคืบหน้าการก่อสร้าง การติดตั้งระบบเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการผู้สูงอายุ และวิธีการควบคุมการเดินรถก่อนที่ จะทำการทดลองเปิดการเดินรถ 1 สถานี ตั้งแต่สถานีแบริ่ง - สำโรง ระยะทาง 1 กม.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าฯ และทำพิธีเปิดทดลองให้บริการเดินรถไฟฟ้าฯ อย่างเป็นทางการ โดยนายกฯ กล่าวเปิดงานว่า รัฐบาลมีนโยบายในการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการจราจรในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกับทุกประเทศที่เป็นบ้านเมืองเก่าแก่ยาวนาน กรุงเทมหานครมีประชากรจำนวนมาก ทั้งประชาขนในพื้นที่และประชาชนแฝง ทุกคนต่างเข้ามาหางานทำในเมืองหลวง จึงจำเป็นต้องอำนวยความสะดวกและให้บริการเพื่อให้เข้าถึง เราต้องคำนึงถึงผู้มีรายได้น้อย ไม่ต้องการให้เกิดความคิดว่าการสร้างรถไฟฟ้าขึ้นมานั้น เพื่อให้คนมีเงินให้บริการ รัฐบาลกำลังคิดว่าอนาคตจะทำอย่างไร เพื่อบรรเทาหรือบางเบาภาระเรื่องค่าใช้จ่ายได้ ขณะเดียวกัน การก่อสร้างก็ใช้งบประมาณค่อนข้างสูง แต่ได้เน้นย้ำว่าให้ใช้วัสดุในประเทศให้ได้มากที่สุด การลงทุนของประเทศจะต้องก่อให้เกิดธุรกิจที่เป็นประโยชน์และเชื่อมโยง วันนี้เรากำลังเน้นการเชื่อมต่อจากกรุงเทพมหานครไปยังปริมณฑล อยู่ระหว่างการดำเนินแผนการระยะที่ 1 ซึ่งดำเนินการไปแล้วด้านบน การเชื่อมต่ออีก 1 สถานี และมีแผนงานการเชื่อมต่อด้านล่างอีก 9 สถานี ที่รับผิดชอบโดยกรุงเทพมหานคร ซึ่งรัฐบาลพยายามเร่งดำเนินการให้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ยอมรับว่า มีอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งงบประมาณ การออกแบบ วิธีการก่อสร้าง
“ปัญหาการดำเนินโครงการต่างๆ ขอร้องว่า อย่าให้เกิดการบังคับว่าต้องทำให้ได้เพื่อให้เกิดงานต่างๆ เพราะรัฐบาลนี้ไม่ต้องการบังคับประชาชน การดำเนินโครงการต่างๆ ต้องการให้ประชนเกิดความไว้วางใจ มีความเชื่อมั่น ไม่อยากให้เป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์วันนี้การก่อสร้างอีก 9 สถานี คาดว่า จะเปิดให้บริการได้ในปี 2561 อยู่ระหว่างการจัดระบบสัญญาน การหารถมาวิ่งให้บริการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่เราให้ความสำคัญนอกจากการพัฒนาเมืองใหญ่แล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักสากล และความต้องการของประชาชน ซึ่งได้มีการบรรจุไว้ในแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 รถไฟขบวนที่ 12 ที่เราจะต้องมุ่งมั่นพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี วันนี้เราต้องเร่งสร้างโอกาส ความเสมอภาคให้เท่าเทียมในสังคม อย่างไรก็ตาม เมื่อการสร้างรถไฟฟ้าเสร็จแล้วไม่ใช่จบ จะต้องพัฒนาเศรษฐกิจ 2 ข้างทางเพื่อให้เกิดพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ด้วยเช่นเดียวกับรถไฟทางคู่ เพื่อที่จะได้มีรายได้กลับเข้าประเทศ ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายแบริ่ง - สมุทรปราการ และทั้งหมดจะสามารถให้บริการตลอดเส้นทางได้ในปี 2561 สามารถบรรเทาการจราจรในเขตบางนา สมุทรปรากราร ที่มีโรงงานอุตสาหกรรม แหล่งชุมชนหนาแน่น ถ้าสามารถลดเวลา ลดปัญหาการจราจร การใช้รถก็จะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากพอสมควรในการเดินทาง อนาคตเราต้องเพิ่มการขนส่งทางรางให้มากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อนาคตเราจะต้องทำให้กรุงเทพมหานครเจริญเติบโตอย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาที่แก้ไขยาก เนื่องจากมีประชาชนอยู่อาศัยจำนวนมาก จัดระเบียบไม่ได้ ซึ่งเราโทษใครไม่ได้ แต่ต้องคิดใหม่ทั้งหมด เราต้องช่วยกันคิดว่าต่อไปกรุงเทพฯควรเจริญเติบโตอย่างไร ทุกจังหวัดต้องมีการเชื่อมโยงแบบไหน ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การค้าการลงทุน คนจะได้ไม่เข้ามาอยู่เฉพาะในเมืองใหญ่
“ขอบคุณประชาชนในพื้นที่ที่ให้ความร่วมมือ ขอบคุณความไว้วางใจ ถ้าไม่ร่วมมือคงทำอะไรกันไม่ได้ในทุกๆ เรื่อง ต่อให้ใช้กฎหมาย หรือคำสั่งมาตรา 44 ก็ทำอะไรไม่ได้ถ้าประชาชนไม่เข้าใจปัญหา ไม่ร่วมมือ ฝ่ายรัฐก็ต้องให้การเยียวยาดูแลให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งทุกวันนี้รัฐบาลกำลังดูแลว่าจะทำอย่างไรโครงการสำคัญต่างๆ ทั้งการจราจร ขยะ ให้เกิดขึ้นให้ได้ อย่าบอกว่ารัฐบาลนี้ไม่ทำ หรือทำอย่างนั้นไม่ทำอย่างนี้ มีอำนาจมากมาย อยากถามว่าอำนาจที่มีบังคุบประชาชนได้มากหรือ เพราะทุกคนเคยชินกับแบบเดิมๆ ปัญหาวันนี้อยู่ที่ทุกคนต้องสร้างความเข้าใจให้ได้”
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินตรวจระบบราง และได้กลับมาขึ้นเวทีกล่าวอีกครั้ง ว่า ทุกอย่างจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมโยงให้ได้ในเรื่องการจราจร การขนส่งมวลชนต่างๆ ให้เป็นระบบ สร้างมูลค่าขึ้นมาได้ สร้างความเชื่อมโยง การเดินทาง ลดเวลาที่ใช้บนท้องถนนจากการใช้รถโดยสารประจำทางอื่นๆ ที่แออัดบนท้องถนน ซึ่งเราทราบกันดีกว่าในกรุงเทพฯ มีปัญาหาอย่างนี้มาก เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ในโลกก็มีปัญหานี้เหมือนกัน ดังนั้น รัฐบาลต้องวางแผนอนาคต สร้างความเชื่อมโยงพื้นที่ชั้นในโดยรถไฟฟ้า รถไฟถนนสายรอง สร้างความเชื่อมโยงพื้นที่ชั้นในและชั้นนอก โดยการขนส่งอื่นๆ ดังนั้น การวางแผนการจรจาไม่ใช่แค่พื้นที่ภายใน กทม. อย่างเดียว ต้องวางแผนจากพื้นที่ชั้นนอกสู่ข้างในด้วย ประเด็นสำคัญการลงทุนทั้งหมดให้เกิดมูลค่าเพิ่มที่คน โดยไปลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนการผลิต เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มีใจพร้อมทำงานมากกว่าต้องมาใช้ชีวิตบนถนนอีกต่อไป ดังนั้น เราต้องมุ่งมั่นหวังสร้างระบบขนส่งเชื่อมโยงกัน และต้องดูแลคนพิการให้เข้าถึง รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการสร้างเศรษฐกิจฐานราก กระทรวงคมนาคม กทม. จะต้องมีการหารือการดำเนินการให้เป็นตามกฎหมาย และขอให้พยายามเข้าใจในสิิงที่รัฐบาลนี้กำลังดำเนินการอยู่ ก็ขอร้องกันในติติงอะไรต่างๆ ขอให้เกิดประโยชน์ เป็นข้อพิจารณาให้รัฐบาลไปทำอะไรได้ ขอแค่นั้นเอง วันนี้ถือเป็นวันที่ดีก็ขอให้ประชาชนมีความสุข ก็ใกล้วันสงกรานต์ ก็ขอให้เดินทางอย่างปลอดภัย เล่นสงกรานต์ที่เหมาะสมตามประเพณีไทย ขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขอให้เป็นเส้นทางที่เดินทางที่ปลอดภัย และแก้ปัญหาการจราจรได้ในอนาคตเพื่อชีวิตเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าสมัยที่อยู่มาและถือเป็นหน้าที่ของเรา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ทำพิธีเปิดทดลองการให้บริการเดินรถไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ โดยก่อนนายกฯและคณะ จะขึ้นในโบกี ได้หันมาตะโกนบอกกับทุกคนว่า “จะให้บริการขึ้นฟรีตลอดปี 60” พร้อมตัดริ้บบิ้นเปิดงาน และเยี่ยมชมห้องควบคุมการเดินรถ และโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ตู้ที่ 1 เดินทางจากสถานีสำโรง ไปยังสถานีแบริ่ง พร้อมกันนี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรี ทดลองนั่งรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย พร้อมกล่าวว่า “กรุงเทพมหานครใจดีให้มีการทดลองนั่งส่วนต่อขยายไปจนถึงสิ้นปี 2560 แต่ขอให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามระเบียบเข้าแถวขณะก้าวขึ้นรถไฟฟ้าด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพิธีเปิดงานเสร็จสิ้น ประชาชนสามารถเข้าใช้บริการฟรี โดยทางกรุงเทพมหานคร จะยังไม่เก็บค่าโดยสารตลอดเดือนเมษายน และจะสามารถเปิดเดินรถเต็มระบบภายในปลายปี 2561 สำหรับเส้นทางเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ ต่อจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีแบริ่ง ระยะทางรวม 13 กิโลเมตร จำนวน 9 สถานี ได้แก่ ได้แก่ 1. สถานีสำโรง 2. สถานีปู่เจ้าสมิงพราย 3. สถานีพิพิธภัณฑ์เอราวัณ 4. สถานีโรงเรียนนายเรือ 5. สถานีสมุทรปราการ 6. สถานีศรีนครินทร์ 7. สถานีแพรกษา 8. สถานีสายลวด และ 9. สถานีเคหะ มูลค่าราคาการลงทุนทั้งโครงการรวม 27,673 ล้านบาท
ขณะที่การรักษาความปลอดภัยก็เป็นไปอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่ EOD มีการตรวจอาวุธและสิ่งของต้องห้าม รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารยืนกระจายประจำจุดต่างๆ