xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ให้โอวาทวัน ขรก.ชูผู้นำการเปลี่ยนแปลง สู่ 4.0 อย่าให้คนดูหมิ่นได้อีกต่อไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรีให้โอวาทวันข้าราชการพลเรือน ชู ขรก.ผู้นำการเปลี่ยนแปลง เป็น 4.0 แนะเตรียมพร้อมสถานการณ์โลก ลดความขัดแย้ง ทำให้เชื่อมั่นใจกฎหมาย ไว้ใจกระบวนการยุติธรรม ขอให้นำพระราชดำรัส รัชกาลที่ ๙ เป็นแนวทางใช้ขับเคลื่อนชาติ อย่าให้คนดูหมิ่นได้อีกต่อไป ต้องทำให้คนไม่ดีเป็นคนดี ใครทำผิดให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอทำให้ตนก่อนเลือกตั้ง ขอให้ภูมิใจ

วันนี้ (31 มี.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวให้โอวาทเนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ประจำปีพุทธศักราช 2560 ตอนหนึ่งว่า เรามีการสร้างสรรค์และจัดระบบราชการตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๗ จนถึงปัจจุบัน ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาบ้านเมืองจนทำให้ประเทศมีความสงบเรียบร้อย และวันนี้ตนก็ถือเป็นข้าราชการคนหนึ่งในฐานะข้าราชการการเมือง จึงถือว่าคำว่าข้าราชการมีความสำคัญที่สุดในชีวิต ถือเป็นความภาคภูมิใจ เกียรติยศศักดิ์ศรี ผู้ที่ได้รับรางวัลต้องถือว่าเป็นรางวัลที่ทรงเกียรติ ปัจจุบันประเทศไทยมีความจำเป็นที่ต้องพัฒนา และปฏิรูปเป็นช่วงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง ซึ่งผู้นำในการเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่พ้นคนที่เป็นข้าราชการ ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อมในการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก ถือเป็นความท้าทายของข้าราชการทุกคน ในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ลดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ ทำอย่างไรประชาชนจะเชื่อมั่นกฎหมาย และไว้ใจกระบวนการยุติธรรม ตนคนเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ แม้รัฐบาลจะเป็นผู้กำหนดนโยบาย หรือคาบเกี่ยวในการปฏิบัติบ้าง แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้ไปจำกัดแนวคิดหรือวิสัยทัศน์ของข้าราชการ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้ข้าราชการทุกคนนำกระแสพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาเป็นแนวปฏิบัติในการขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง วันนี้เราต้องลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนให้มากที่สุด เราต้องทำให้ความพยายามบังคับใช้กฎหมายน้อยที่สุด โดยไม่มีใครทำผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้นทุกคนจะเสพติดอำนาจ เสพติดกับกฎหมาย เสพติดกับการฝ่าฝืนกฎหมาย จากนั้นก็เกิดการกระทบกระทั่ง และหวาดระแวงเจ้าหน้าที่รัฐ เราต้องหาวิธีให้ประชาชนรู้ว่าควรอยู่อย่างไร เจ้าหน้าที่ก็จะงานไม่หนัก และไม่นำไปสู่การทุจริตเรียกรับผลประโยชน์ ทุกอย่างคือการทำให้บ้านเมืองสงบสุข จึงขอให้ข้าราชการทุกคนยึดหลักเหล่านี้ในการทำงาน ทำให้ประเทศเดินหน้าอย่างสมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นถ้าประชาชนขาดความเข้าใจ ก็จะทำให้เกิดความคิดที่ว่ารัฐบาลนี้มุ่งแต่จะเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจ โดยไม่ดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย ไม่ต้องลงทุนเพราะมีคนจนมาก เอาเงินมาดูแลคนจนไม่ดีกว่าหรือ ถามว่าถ้าคิดแบบนี้จะเป็นการกินตัวเองไปอีกนานเท่าไหร่

“ชอบหรือไม่ชอบ ใช่หรือไม่ใช่ ก็วนกันอยู่แค่นี้ปิดตัวเองอยู่ตรงนี้จนขับเคลื่อน หรือทำงานไม่ได้ ติดด้วยกฎหมาย ติดด้วยวัฒนธรรมองค์กรของตัวเอง ที่เป็นปัญหา ของพวกเรา ไม่ใช่ข้อบกพร่อง แต่อยู่ที่การปรับเปลี่ยนตัวเอง อยู่ที่ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนตัวเองหรือไม่ และต้องทำงานในการบูรณการ ขอให้ข้าราชการทุกคนกลับไปคิดว่าทำอย่างไร จะให้สำเร็จตามที่สถาบันพระมหากษัตริย์คาดหวัง ซึ่งท่านทรงคาดหวังอย่างเดียวคือประชาชนมีความสุข ดังนั้นทุกคนจะต้องทำงานตามที่ทรงคาดหวังให้ได้มากที่สุด เพราะทุกคนคือข้าราชการ” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เข้ามาเป็นนายกฯ จะครบ 3 ปี ในเดือน พ.ค.นี้ ตนไม่เคยที่จะหยุดคิดแม้แต่วันเดียว ไม่เคยหยุดกำกับดูแล จึงนึกทุกเรื่องได้ออกว่าพูดและสั่งอะไรไปบ้างแล้ว จากนั้นก็มาตามใน ครม. โดยมีรองนายกฯ และ ครม. ช่วยในการทำงาน แต่คนที่ขับเคลื่อนคือข้าราชการ วันนี้อย่าให้ประชาชนว่าได้ว่า นายกฯ รัฐบาลก็พูดไป แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นมาดีแต่พูด ตนไม่อยากให้เกิดคำนี้เท่านั้นเอง ทุกคนทำดีอยู่แล้ว แต่ขอให้ทำมากขึ้นกว่าเดิม อย่าให้มีการพูดจากดูหมิ่นเราได้อีกต่อไป ด้วยความไม่ไว้เนื้อเชื้อใจ ยอมรับว่าเห็นใจ มีหลายอย่างที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของบางคน เพราะคนไม่ดีมันก็มีทุกที่ เราต้องทำให้คนไม่ดีเหล่านั้นกลับมาเป็นคนดี แม้จะขจัดไม่ได้ทั้งหมด ต้องไม่ปล่อยให้สร้างความเดือดร้อนต่อสังคม สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ รับสั่งกับสังคมว่า ถ้าเราไม่พูดจา ไม่คบกับคนไม่ดีเลย เขาก็จะไม่ดีไปเรื่อยๆ เราต้องคบและหาเรื่องคุย ปรับทุกข์ให้เขา เติมความดี หาความดีจนเขากลับขึ้นมาดี ถ้าปล่อยทำไม่รู้ไม่ชี้ก็จะทำให้เสียทั้งตัวเขา และองค์กร รวมถึงประเทศ สังคม และวัฒนธรรม สำคัญที่สุดต้องเปลี่ยนแปลงปรับปรุงไปด้วยกัน ตั้งแต่นาย และลูกน้อง ทุกอย่างจึงจะสำเร็จ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า วันนี้ข้าราชการต้องทำงานเป็นข้าราชการ 4.0 ตนเชื่อมั่นว่าข้าราชการทุกคนมีคุณธรรมรู้ว่าอะไรดีไม่ดี แต่ท่านที่ได้รับรางวัลวันนี้ ต้องทำให้ทุกคนมีคุณธรรมทั้งองค์กรด้วย จึงจะเรียกว่ามีจริยธรรมทั้งองค์กร ต้องมีส่วนร่วมในการได้เสีย แต่เรื่องเงินทองขออย่าไปคิดถึง หากเรามีรายได้ประเทศเข้ามา เงินเดือนของข้าราชการก็จะดีขึ้น ซึ่งตนก็รู้ดีว่าทุกคนต้องการเช่นนั้น แต่ถ้าเรายังพันอยู่กับปัญหาเดิมๆ ก็จะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ข่าววันนี้ทุกหน้ายุ่งแต่เรื่องความขัดแย้ง ในขณะที่หนังสือพิมพ์ต่างประเทศเขาลงอะไรบ้างในแต่ละวัน ลองเปรียบเทียบกันดู เพราะเขารู้ว่าถ้าเขาลงเรื่องอะไรที่เป็นผลลบ ข่าวย่อมไปที่อื่นด้วย แต่ไม่ใช่เราต้องการจะเปิดกั้นอะไรทั้งสิ้น หากต้องคำนึงถึงผลเสีย และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย จึงขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญคือเรื่องการทุจริตความไม่โปร่งใส จะต้องแก้ไขให้ได้ ถือเป็นวาระของชาติ ใครทำผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอให้จำคำพูดของตนไว้ ตนต้องการแค่นั้น ไม่เช่นนั้นกฎหมายที่มีจะไร้ค่า คงไม่ต้องมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ โดยต้องแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัย และต้องมุ่งว่าประชาชนจะได้อะไรจากกฎหมายฉบับนั้น อย่าหวังแต่เพียงให้ข้าราชการทำงานได้แต่ประชาชนเดือดร้อน อย่าลืมว่ากฎหมายทุกฉบับมีความสุ่มเสี่ยงไปละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่นกรณีการเป็นเจ้าของที่ดินทั้งประเทศ หากเราจะเอาที่ดินมาทำผังเมืองมาใช้ประโยชน์ก็ต้องสร้างความพึงพอใจให้เขาว่าเขาจะได้อะไร อย่าใช้อำนาจตามที่รัฐบาลสั่งอย่างเดียว เพราะจะสร้างปัญหาตามมาอีกเยอะ แล้วต้องคอยตามแก้กันอีก

“วันนี้หลายคนอาจจะคิดว่าผมพูดเยอะ แต่ก็ต้องพูด เพราะอยากให้รู้ว่าผมคิดอะไร ถ้าผมไม่คิดไม่พูด ทุกคนก็จะมองว่าผมมีอำนาจมีผลประโยชน์ ซึ่งผมไม่ต้องการคำเหล่านี้เลย อำนาจนี้เป็นของประชาชนที่ให้กับเรา ไปทำอะไรเพื่อพวกเขา โดยเขามีความคาดหวัง ซึ่งแววตาเขาเป็นเช่นนั้นกับทุกรัฐบาล ผมเชื่อเช่นนั้น เขาคาดหวังว่าคนนี้คนนั้นจะทำอะไรให้ ซึ่งวันนี้เขาอาจคาดหวังมากหน่อย เราจะทำอย่างไรถึงจะไม่กลับไปที่เดิม ประชาธิปไตยจะไม่เป็นแบบเดิม ที่ไม่มีธรรมาภิบาล นั่นคือภารกิจของพวกท่าน ซึ่งผมช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเป็นกระบวนการประชาธิปไตย แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ท่านรู้ปัญหาดี ทั้งนี้ข้าราชการทำงานต้องมีการสังเกต แต่ไม่ใช่การจับผิด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ ทุกพระองค์ทรงเป็นครูหมด รับสั่งกับตนหลายครั้งว่าทำให้ดีที่สุด เพื่อประชาชนมีความสุข มีความพึ่งพอใจ รักษาระเบียบวินัยให้บ้านเมือง ทุกพระองค์มีความห่วงใยบ้านเมืองทั้งสิ้น นั้นคือสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรื่องของการทำงานนอกจากจะได้รับชื่อเสียง ความภาคภูมิใจ ตนว่ายังไม่เพียงพอ ต้องให้ทุกคนมีความภาคภูมิใจเราด้วย ให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนฝูง รักเราทำได้ไหม ถ้าเราวางตัวได้ดีเขารักษาทุกคน ต้องอธิบายทำความเข้าใจ ให้เกิดความยอมรับ โดยอธิบายไม่ใช้อำนาจเรื่อยเปื่อย เพราะมันจะเละเทะทั้งหมด ซึ่งต้องไม่เกิดขึ้นในสมัยนี้อีกต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ตนรับเรื่องเยอะมาก จริงบ้างไม่จริงบ้าง ตนไม่อยากไปทำให้เพื่อนข้าราการเดือดร้อน แต่ถ้ามีมูล มีข้อเท็จจริงมันก็จำเป็น ไม่อย่างนั้นจะปกครองกันไม่ได้ ทำงานไม่ได้ ประสิทธิภาพก็ไม่เกิด แล้วจะอยู่กันไปทำไม ต้องทำงานให้สำเร็จ ทำงานให้ทุกคนพึ่งพอใจ ภายในใต้กรอบกติกา กฎหมายที่มีอยู่อย่างถูกต้อง ยึดศาสตร์พระราชาเป็นแนวทางปฏิบัติ เดินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

“ผมคาดหวัง 1 ปีที่ผมยังอยู่ก่อนเลือกตั้งตามโรดแมปของผม ก่อนการเลือกตั้งท่านเริ่มทำให้ตนเถอะ เพื่อไปสู่จุดหมายปลายทาง เพื่อให้เกิดความยั่งยืน อย่าให้ใครมาทาบทับอำนาจบริหารราชการที่ท่านมีตามกฎหมาย ท่านต้องทำงานให้เกิดความก้าวหน้า และถูกต้อง ไม่มีใครก้าวล่วงท่านได้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก นั้นคือข้าราชการในอนาคต วันนี้เราต้องทำให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะสับสนอลม่านไปหมด และท้ายสุดท่านต้องเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมายทุกประการจำไว้ วันนี้ก็เห็นอยู่แล้ว หลายอย่างข้าราชการส่วนใหญ่ถูกโยงไปทั้งหมด เพราะท่านต้องทำงานเอกสาร ทำงานตามขั้นตอน ผมไม่อยากให้ท่านต้องไปอยู่ตรงนั้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ดังนั้น ท่านต้องตั้งหลักตั้งแต่วันนี้ เข็มแข็งให้ได้ ขอให้มีความภาคภูมิใจ อย่างน้อยวันนี้ตนก็ภูมิใจได้ทำงานกับท่าน มีคนรักตนบ้างไม่รักตนบ้างไม่เป็นไร แต่ขอให้รักประเทศชาติ รักประชาชน นั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แล้วจะกลับมาเป็นบุญกุศลให้กับท่าน มากกว่าการไปทำบุญเยอะแยะ คนไทยทำบุญไหว้พระแล้วต้องเอามาปฏิบัติด้วย สวดมนต์ขอพรอย่างเดียวพระก็แย่เหมือนกัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ไหว ขอให้ทำงานสำเร็จ ขอให้ทำงานเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี ไม่เกิดการกระทบกระทั่งกัน ขอให้ไม่ต้องใช้กฎหมายมาก ตนสวดมนต์อย่างนี้ทุกวัน ตนไม่เคยขอให้ตัวเอง ตนจะขออยู่เสมอให้ประเทศชาติ สถาบันฯ ปลอดภัย และประชาชนมีความสุขทำงานสำเร็จ นี้คือสิ่งที่ตนสวดมนต์มา 3 ปี ก่อนนั้นที่เป็น ผบ.ทบ.ก็ขอให้ลูกน้องปลอดภัย หากเกิดการปะทะให้สูญเสียน้อยที่สุด หรือไม่สูญเสียเลย นั้นคือสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาทุกคนต้องระลึกอยู่เสมอ
































กำลังโหลดความคิดเห็น