สมาคมนักปกครองฯ ส่งหนังสือถึงปลัดมหาดไทย ขอให้กระทรวงตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ว่าฯ ที่จะเป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัดเอง เพราะย่อมรู้ดีว่าใครเหมาะสม พร้อมให้จัดอบรมติวเข้มผู้ได้รับการสรรหา และให้อยู่ในตำแหน่งอย่างน้อย 2 ปี
เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ นายกสมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือที่ ส.ป.ท. จ.39/49 ถึงนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่องการปรับวิธีการสรรหาผู้ว่าราชการจังหวัดให้เป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัด โดยมีเนื้อหาระบุว่า เนื่องด้วยสมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย ได้ทราบข่าวจากสื่อต่างๆ ที่เผยแพร่เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งกำกับดูแลงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศว่า รัฐบาลมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจจากภายในประเทศเป็นหลัก โดยได้กำหนดเงินงบประมาณลงสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นด้วยการจัดสรรงบประมาณให้แก่ 18 กลุ่มจังหวัดเป็นจำนวนมากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงการบริหารจัดการงานของกลุ่มจังหวัด โดยเฉพาะผู้บริหารงานของกลุ่มจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัดให้เหมาะสม เพื่อรองรับการบริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพและบรรลุผลตามนโยบายของรัฐบาล
สมาคมฯ เห็นว่าเป็นแนวความคิดที่ดีที่จะช่วยให้ภูมิภาคท้องถิ่นมีความเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น อันเป็นผลดีต่อประชาชนและสังคมในพื้นที่ต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น และการเพิ่มประสิทฺธิภาพของผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัดก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่จะต้องมีการพิจารณาดำเนินการอย่างรัดกุมละเอียดรอบคอบ มีความโปร่งใส เป็นธรรม และชอบด้วยหลักการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นองค์ประกอบและมิติมุมมองที่สำคัญ ประกอบด้วยหลายประการ เช่น ประเด็นที่เกี่ยวกับปัญหาด้านการมั่นคงทางด้านชายแดนทั่วๆ ไป และปัญหาชายแดนในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ที่เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม และมิติหรือประเด็นที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ประวัติศาสตร์ ประเพณี และการท่องเที่ยว รวมตลอดถึงมิติเกี่ยวกับการปกครอง การบริหาร กิจการบ้านเมืองที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล หลักคุณธรรม และโดยเฉพาะเกี่ยวกับการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ประชาชนในพื้นที่ตามภารกิจหลักของกระทรวงมหาดไทย
ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถรอบด้าน มิใช่เฉพาะในมิติทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมแต่เพียงประการเดียว ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเป็นนักบริหารราชการที่ดี มีประสิทธิภาพ แต่ยังต้องเป็นนักปกครองที่ดี ที่มีความสามารถใช้ศาสตร์และศิลป์ในการดูแลประชาชน และเป็นที่พึ่งอันอบอุ่นของประชาชนได้ด้วย การสรรหาบุคลากรที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่มจังหวัด จึงต้องคัดเลือกจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถในตำแหน่งหน้าที่ มีประวัติการทำงานที่ดี และเป็นผู้มีประสบการณ์ในหลายๆ ด้าน และมีผลงานที่ดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสังคมว่าเป็นผู้มีฝีมือ เป็นนักบริหารการพัฒนามืออาชีพ (Professional) และ ที่สำคัญยิ่งคือ เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต มีภาวะผู้นำที่ดี (Leadership) เป็นที่เชื่อถือของสังคมและประชาชน
ดังนั้น หลักการสรรหาบุคคลตามที่กล่าวแล้วจะต้องมีการวางหลักเกณฑ์ที่มีความเหมาะสม โปร่งใส เป็นธรรม และเป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไปได้ สมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทยใคร่เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการสรรหาที่กระทรวงมหาดไทยจะต้องรับผิดชอบดำเนินการเอง
ทั้งนี้ เพราะกระทรวงมหาดไทยและกรมการปกครองเป็นหน่วยงานหลักในการสรรหาและพัฒนาบุคลากรของกรมการปกครอง และของกระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอด ย่อมรู้ดีว่าผู้ใดเป็นผู้ที่เหมาะสม และเห็นว่าควรจัดให้มีการฝึกอบรมเพิ่มเติม (Retraining) หรือมีการให้ความรู้ชนิดที่เรียกว่า “ติวเข้ม” โดยใช้เวลาการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมขั้นพื้นฐาน การพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค (Region) และระดับท้องถิ่น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจเข้าสู่ระดับ 4.0 ที่เป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และการส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ (Innovation) ตามนโยบายของรัฐบาล สำหรับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกหรือสรรหาได้เป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัดแล้ว ควรอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 ปี หรือมากกว่านั้น (เว้นแต่กรณีพิเศษฉุกเฉินที่จะต้องเปลี่ยนตัวบุคคลให้ถือเป็นกรณียกเว้นได้)
อนึ่ง นอกจากการเตรียมความพร้อมในระดับผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศแล้ว กระทรวงมหาดไทยควรเตรียมความพร้อมสำหรับบุคลากรที่จะต้องก้าวขึ้นมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไปในอนาคตด้วย เพื่อให้เป็นผู้มีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ธุรกิจการค้า อุตสาหกรรมในภาคเอกชน โดยเฉพาะในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดี มีวิสัยทัศน์ (vision) ที่ถูกต้องตรงตามความต้องการของรัฐบาลและของประชาชนในพื้นที่ด้วย สำหรับในรายละเอียดเกี่ยวกับแนวคิดนี้ สมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอให้พิจารณาจากเอกสารที่ได้ส่งแนบมาพร้อมนี้แล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณาดำเนินการตามที่จะเห็นสมควรต่อไปด้วย จักขอบคุณยิ่ง ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้เรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยทราบแล้ว
เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ นายกสมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือที่ ส.ป.ท. จ.39/49 ถึงนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่องการปรับวิธีการสรรหาผู้ว่าราชการจังหวัดให้เป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัด โดยมีเนื้อหาระบุว่า เนื่องด้วยสมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย ได้ทราบข่าวจากสื่อต่างๆ ที่เผยแพร่เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งกำกับดูแลงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศว่า รัฐบาลมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจจากภายในประเทศเป็นหลัก โดยได้กำหนดเงินงบประมาณลงสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นด้วยการจัดสรรงบประมาณให้แก่ 18 กลุ่มจังหวัดเป็นจำนวนมากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงการบริหารจัดการงานของกลุ่มจังหวัด โดยเฉพาะผู้บริหารงานของกลุ่มจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัดให้เหมาะสม เพื่อรองรับการบริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพและบรรลุผลตามนโยบายของรัฐบาล
สมาคมฯ เห็นว่าเป็นแนวความคิดที่ดีที่จะช่วยให้ภูมิภาคท้องถิ่นมีความเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น อันเป็นผลดีต่อประชาชนและสังคมในพื้นที่ต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น และการเพิ่มประสิทฺธิภาพของผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัดก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่จะต้องมีการพิจารณาดำเนินการอย่างรัดกุมละเอียดรอบคอบ มีความโปร่งใส เป็นธรรม และชอบด้วยหลักการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นองค์ประกอบและมิติมุมมองที่สำคัญ ประกอบด้วยหลายประการ เช่น ประเด็นที่เกี่ยวกับปัญหาด้านการมั่นคงทางด้านชายแดนทั่วๆ ไป และปัญหาชายแดนในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ที่เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม และมิติหรือประเด็นที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ประวัติศาสตร์ ประเพณี และการท่องเที่ยว รวมตลอดถึงมิติเกี่ยวกับการปกครอง การบริหาร กิจการบ้านเมืองที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล หลักคุณธรรม และโดยเฉพาะเกี่ยวกับการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ประชาชนในพื้นที่ตามภารกิจหลักของกระทรวงมหาดไทย
ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถรอบด้าน มิใช่เฉพาะในมิติทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมแต่เพียงประการเดียว ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเป็นนักบริหารราชการที่ดี มีประสิทธิภาพ แต่ยังต้องเป็นนักปกครองที่ดี ที่มีความสามารถใช้ศาสตร์และศิลป์ในการดูแลประชาชน และเป็นที่พึ่งอันอบอุ่นของประชาชนได้ด้วย การสรรหาบุคลากรที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่มจังหวัด จึงต้องคัดเลือกจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถในตำแหน่งหน้าที่ มีประวัติการทำงานที่ดี และเป็นผู้มีประสบการณ์ในหลายๆ ด้าน และมีผลงานที่ดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสังคมว่าเป็นผู้มีฝีมือ เป็นนักบริหารการพัฒนามืออาชีพ (Professional) และ ที่สำคัญยิ่งคือ เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต มีภาวะผู้นำที่ดี (Leadership) เป็นที่เชื่อถือของสังคมและประชาชน
ดังนั้น หลักการสรรหาบุคคลตามที่กล่าวแล้วจะต้องมีการวางหลักเกณฑ์ที่มีความเหมาะสม โปร่งใส เป็นธรรม และเป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไปได้ สมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทยใคร่เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการสรรหาที่กระทรวงมหาดไทยจะต้องรับผิดชอบดำเนินการเอง
ทั้งนี้ เพราะกระทรวงมหาดไทยและกรมการปกครองเป็นหน่วยงานหลักในการสรรหาและพัฒนาบุคลากรของกรมการปกครอง และของกระทรวงมหาดไทยมาโดยตลอด ย่อมรู้ดีว่าผู้ใดเป็นผู้ที่เหมาะสม และเห็นว่าควรจัดให้มีการฝึกอบรมเพิ่มเติม (Retraining) หรือมีการให้ความรู้ชนิดที่เรียกว่า “ติวเข้ม” โดยใช้เวลาการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมขั้นพื้นฐาน การพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค (Region) และระดับท้องถิ่น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจเข้าสู่ระดับ 4.0 ที่เป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และการส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ (Innovation) ตามนโยบายของรัฐบาล สำหรับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกหรือสรรหาได้เป็นหัวหน้ากลุ่มจังหวัดแล้ว ควรอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 ปี หรือมากกว่านั้น (เว้นแต่กรณีพิเศษฉุกเฉินที่จะต้องเปลี่ยนตัวบุคคลให้ถือเป็นกรณียกเว้นได้)
อนึ่ง นอกจากการเตรียมความพร้อมในระดับผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศแล้ว กระทรวงมหาดไทยควรเตรียมความพร้อมสำหรับบุคลากรที่จะต้องก้าวขึ้นมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไปในอนาคตด้วย เพื่อให้เป็นผู้มีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ธุรกิจการค้า อุตสาหกรรมในภาคเอกชน โดยเฉพาะในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดี มีวิสัยทัศน์ (vision) ที่ถูกต้องตรงตามความต้องการของรัฐบาลและของประชาชนในพื้นที่ด้วย สำหรับในรายละเอียดเกี่ยวกับแนวคิดนี้ สมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอให้พิจารณาจากเอกสารที่ได้ส่งแนบมาพร้อมนี้แล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณาดำเนินการตามที่จะเห็นสมควรต่อไปด้วย จักขอบคุณยิ่ง ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้เรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยทราบแล้ว