xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” อ้างยิ่งไล่ยิ่งอยู่ (ต่อ) อีก 5 ปี-ยาวปายย !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา




“อยากรู้จริงๆ ว่า พวกคุณทำไปทำไม ขอยืนยันว่า ผมจะไม่ทำตามความต้องการของพวกเขาอยู่แล้ว อยากจะพูดอะไรก็พูดไป วันนี้ผมเห็นประชาชนเดือดร้อน ผมอยากช่วยเหลือ ขอบอกไว้เลยถ้าคนไทยไม่พัฒนาขึ้นภายใน 5 ปีอันตราย แต่เมื่อพูดแบบนี้กลับไปก็โดนด่า แต่ในเมื่อคุณว่าผม ผมก็จะตอบแบบนี้ เค้ายิ่งไล่ผมก็ยิ่งอยู่ ใครเห็นด้วยขอให้ยกมือ ผมไม่ใช่นักการเมืองคงไม่ต้องหาเสียง แต่อยากถามความคิดเห็นพวกคุณเท่านั้น”

คำพูดตอนหนึ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระหว่างที่เขาเดินทางไปตรวจราชการและตรวจความคืบหน้าโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จังหวัดนครพนมเมื่อวันจันทร์ที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา

หากพิจารณาจากน้ำหนักของคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบร่ายยาวส่วนใหญ่มุ่งตอบโต้คนไทยกลุ่มหนึ่ง “ที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ” ที่โจมตีให้ร้ายเขามาตลอด ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนไทยดังกล่าวก็คือ “ทักษิณ ชินวัตร” กับพวกนั่นแหละ

ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันตามความเป็นจริงที่สัมผัสได้ก็ต้องบอกว่า นี่คือ “อารมณ์ของทั้งทักษิณและอารมณ์ประยุทธ์” ฝ่ายแรกคือ อารมณ์ ทักษิณ ชินวัตร ที่เวลานี้กำลังสูญเสียทุกอย่างลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องคดีความที่ระยะหลังเริ่มเข้ามาถึงตัวคนใกล้ชิดในครอบครัวแบบ “สายตรง” แบบกระชั้น “บีบหัวใจนัก” ที่เห็นในเวลานี้ ก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังเสี่ยงคุกตะราง และต้องชดใช้ค่าเสียหายจากปัญหาโครงการรับจำนำข้าวที่ตัวเองเป็นคนผลักดันนโยบายประชานิยมดังกล่าวขึ้นมา คดีอาญาที่มีการคาดหมายว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังจะรื้อคดีเงินกู้ธนาคารกรุงไทยขึ้นมาใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า ต้องดึง พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย และคนในครอบครัวของเขาหลายคนเข้าไปติดร่างแหด้วย มิหนำซ้ำ ในระดับ “ลูกน้อง” ก็ทยอยร่วงผลอยไปทีละคนสองคน เนื่องจากคนพวกนี้ถูกดำเนินคดีอาญา และมีการตัดสินจำคุกแบบที่คดีถึงที่สุดในศาลฎีกาออกมาให้เห็น คนพวกนี้หลายคนถูกจำคุก ซึ่งจะกลายเป็น “คุณสมบัติต้องห้าม” หมดอนาคตทางการเมืองตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ห้ามลงสมัคร ส.ส. และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง

นอกเหนือจากนี้ ล่าสุด “วอยซ์ทีวี” ที่ให้ พานทองแท้ ชินวัตร เป็นเจ้าของก็โดนคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) สั่งปิดหรือสั่งยุติการออกอากาศ 7 วัน โทษฐานฝ่าฝืนข้อตกลง อ้างว่าสร้างความแตกแยก

นี่ถือว่าระดับ “หัวใจ” ของเขา ยังไม่นับเรื่องที่ว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอยู่ต่อ โอกาส “นอมินี” หรือคิดที่จะเชิดใครขึ้นมาเหมือนในอดีตมันก็ยิ่งยาก และห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วหากมองทะลุเข้าไปในหัวใจของ ทักษิณ ชินวัตร มาตั้งนานตั้งแต่ที่เขายังมีอำนาจในรัฐบาล ว่ากันว่าคนที่เขาระแวงและพยายามกีดกันมาตลอด ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คนนี้แหละ

อย่างไรก็ดี หากมองในมุมเดียวเหมือนกับว่าพวกเขาถูกกระทำ แต่ถ้าพิจารณากันตามความเป็นจริงทุกเรื่องล้วนมีที่มาที่ไป เป็นการตัดสินจากศาล ตามกระบวนการยุติธรรมหลายคดีถูกเก็บเงียบมานาน มีการทุจริตใช้อำนาจมิชอบจริง เพียงแต่ว่าในยุคปัจจุบันที่ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าเป็น “ยุคเผด็จการ” แต่เผด็จยุคนี้ก็พยายามปิดเงื่อยไขด้วยการผลักดันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมชี้ขาด

หันมาทางฝั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เวลานีถือว่าเขามีอำนาจเบ็ดเสร็จเพียงผู้เดียว ทั้งอำนาจพิเศษในนามหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ผ่านทางมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และจากความศรัทธาของชาวบ้านที่ผ่านมาร่วม 3 ปี แล้วยังไม่ตก

เมื่อพิจารณาจากคำพูดข้างต้นมันก็ทำให้พอมองออกว่า นี่คือ การ “แบะท่า” ขออยู่ต่ออีก 5 ปี เพื่อทำภารกิจที่ยังค้างคาให้เสร็จ ให้เกิดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “ถ้าภายใน 5 ปีนี้ ยังไม่พัฒนา ก็ถือว่าอันตราย” ขณะเดียวกัน การบอกว่า “คนที่หนีอยู่ต่างประเทศจ้องทำลาย” มันก็เหมือนกับการฟ้องประชาชนไปในตัวอีกทั้งไปพูดในถิ่นนครพนมแดนอีสานมันก็ย่อมมีความหมายในตัวเองอยู่แล้ว

อีกด้านหนึ่งมันก็เป็นการชี้ให้เห็นว่า “นี่คือภัยของชาติ” ที่คุกคามเข้ามาใกล้ตัว ต้องหาทางสกัดกั้นเอาไว้ให้ได้ ขณะเดียวกัน ด้วยเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำหนดบทเฉพาะกาลเปิดทาง “นายกฯคนนอก” เอาไว้ 5 ปี มันก็โป๊ะเชะลงล็อกพอดี “ยิ่งไล่ยิ่งไม่ไปอยู่ต่ออีก 5 ปี ยาวไป !!”
กำลังโหลดความคิดเห็น