เครือข่ายเยาวชนและชนเผ่าพื้นเมือง ยื่นหนังสือ กสม.เร่งตรวจสอบปมวิสามัญแกนนำเยาวชนกลุ่มรักษ์ลาหู่ หวั่นหลักฐานถูกบิดเบือน อ้างพยานถูกข่มขู่ จี้รัฐหยุดให้ข่าวชี้นำ ยันเจ้าตัวเป็นนักกิจกรรม เชื่อไม่ได้ขนยา เหตุยังเป็นเยาวชน จี้อย่าละเมิดสิทธิเด็ก “อังคณา” ลงพื้นที่พรุ่งนี้ หารือวิธีคุ้มครองพยาน
วันนี้ (24 มี.ค.) เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) พร้อมด้วยเครือข่ายเยาวชนพื้นที่สร้างสรรค์ทั่วประเทศ หรือ “ดีจังยังทีม” นำโดยนายเกรียงไกร ชีช่วง ผู้ประสานเครือข่ายชนเผ่าฯ และน.ส.รัตนาภรณ์ เจือแก้ว ผู้ประสานเครือข่ายเยาวชนฯ เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผ่านนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิฯ เพื่อขอให้ กสม.เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ ป่าแส แกนนำเยาวชนกลุ่มรักษ์ลาหู่ โดยนายเกรียงไกรกล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้พยานที่เห็นเหตุการณ์ถูกคุกคามเพื่อไม่ให้ข้อมูล จึงอยากให้กรรมการสิทธิฯ เร่งลงพื้นทีเพื่อตรวจสอบเพื่อไม่ให้กลุ่มชาติพันธุ์ไม่ถูกมองว่าถูกเลือกปฏิบัติ รวมทั้งหากล่าช้าข้อมูลในพื้นที่ก็จะถูกบิดเบือน เพราะขณะนี้ฝ่ายรัฐมีการชี้นำข้อมูล จนทำให้สังคมเกิดความอคติกับกลุ่มชาติพันธุ์ รวมทั้งอยากให้สื่อฯ ช่วยตรวจสอบเพื่อให้การดำเนินคดีเป็นตามรูปคดี เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เพียงเป็นเรื่องที่คนในประเทศให้ความสนใจ แต่ยังได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ หากทำคดีถูกต้องก็จะเป็นหน้าตาของประเทศด้วย
ด้าน น.ส.รัตนาภรณ์กล่าวยืนยันว่า ทางเครือข่ายทำงานร่วมกับนายชัยภูมิ รู้ดีว่าชัยภูมิเดินในเส้นทางของการเป็นนักกิจกรรม ซึ่งทางเครือข่ายก็ยังมีความสงสัยในหลายประเด็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ชัยภูมิชนยาบ้าจริงหรือไม่ ชัยภูมิขัดขืนโดยใช้ระเบิดจริงหรือไม่ และมีการทำร้าย ซ้อม ก่อนฆาตกรรม ถือเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ พยายามที่จะให้ข่าว ว่าชัยภูมิขนยาเสพติด ถือเป็นการละเมิดสิทธิของชัยภูมิ ทั้งที่ข้อเท็จจริงยังไม่ได้รับการพิสูจน์ รวมทั้งไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะชัยภูมิมีฐานะเป็นเยาวชน จึงอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหยุดการให้ข่าวที่เป็นการละเมิดสิทธิเด็ก ผลผู้ใหญ่ก็ไม่ควรสนับสนุนการละเมิดสิทธิเด็ก การไต่สวนข้อเท็จของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยากให้มีหน่วยงานกลาง เช่น กรรมการสิทธิฯ องค์กรอิสระ หรือองค์กรนานชาติเข้ามาร่วมตรวจสอบ เพื่อให้ความจริงประจักษ์แก่สังคม และขอให้หยุดข่มขู่คุกคามเพื่อนและญาติของชัยภูมิ รวมถึงนายพงศนัย แสงตะหล้า ซึ่งถูกจับกุมในวันเกิดเหตุ
“เราจะยังสานฝันของชัยภูมิต่อไปเพราะเป็นฝันเดียวกับเรา แต่สิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือ ขอให้คืนความเป็นธรรมสู่เพื่อนเราก่อน” น.ส.รัตนาภรณ์กล่าว
นางอังคณากล่าวว่า การตรวจสอบของ กสม.ในส่วนของการวิสามัญฆาตกรรมเกินกว่าเหตุหรือไม่ เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการฯ ที่มีนายชาติชาย สุทธิกลม เป็นประธาน แต่ในกรณีนี้นักปกป้องสิทธิ์ในพื้นที่ ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของนายชัยภูมิถูกคุกคาม โดยมีการนำกระสุนปืนไปว่างไว้หน้าบ้าน โดยเรื่องการปกป้องสิทธิของนักสิทธิมนุษยชน กสม.ให้ความสำคัญจึงได้ให้มีการไปลงบันทึกประจำวันไว้ และในวันพรุ่งนี้ตนจะเดินทางลงพื้นที่ หากเป็นไปได้จะมีการหารือกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เรื่องการคุ้มครองพยาน อย่างไรก็ตาม ในคดีของนายชัยภูมิ ตามกฎหมายจะต้องถือว่าผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ยิ่งผู้ถูกกล่าวหาเสียชีวิตโดนการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงต้องมีการพิสูจน์ว่าเป็นโดยถูกต้องหรือไม่ การชันสูตรพลิกศพมีการดำเนินการโดยถูกต้องตามหลักการหรือไม่เสียก่อน ส่วนชัยภูมิจะเกี่ยวข้องกับนาเสพติดหรือไม่ ก็ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นจึงอยากของให้ทุกคนได้โปรดเคารพสิทธิ์ในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมแม้ชัยภูมิจะเป็นคนไร้สัญชาติก็ตาม