รองประธาน สปท.ปาฐกถาภารกิจการขับเคลื่อนการปฏิรูป ย้ำต้องภูมิใจในศักยภาพของประเทศ แม่น้ำ 5 สายการทำงานมีแบบแผนนำไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ถึงเวลาทุกคนต้องร่วมมือปฏิรูป เผย 2 ปีที่ผ่านมาประเทศดีขึ้นดูจากอัตราการเจริญเติบโตทาง ศก. เชื่อปฏิรูปเสร็จปี 60 ตามเป้า
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คนที่ 1 ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ภารกิจการขับเคลื่อนการปฏิรูป 11 ด้านต่อคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศและเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” ในงานสัมมนาวิชาการสมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย เรื่องยุทธศาสตร์ชาติและทิศทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปองค์กรปกครองท้องถิ่น จัดโดยสมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานเทศบาลเมืองมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยศิลปากร
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ศักยภาพของประเทศที่ยิ่งใหญ่กว่าที่ใครคิด เราต้องภูมิใจในศักยภาพของประเทศ เชื่อมั่นและมั่นใจในประเทศ มองในมุมสว่างด้านดีของประเทศ เพื่อก้าวไปสู่ประเทศที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนมีสันติสุข การขับเคลื่อนประเทศไทยต่อจากนี้ไปภายใต้การทำงานกันอย่างใกล้ชิดระหว่างแม่น้ำ 5 สาย ไม่ว่าจะเป็น คสช. รัฐบาล สปท. สนช. และ กรธ. จะมีทิศทางที่แน่นอน มีแบบแผนที่ชัดเจนเดินตามโรดแมปและแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อพาประเทศไปสู้เป้าหมายของการเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ประชาชนมีรายได้เฉลี่ยในระดับสูง ก้าวข้ามจากประเทศรับจ้างผลิตสู่การเป็นประเทศที่ใช้การพัฒนานวัตกรรมในการขับเคลื่อนประเทศ โดยใช้ 6 โมเดลเศรษฐกิจกระแสใหม่ เน้นการต่อยอด 5 อุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ ร่วมกับเติมเต็มการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต การปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน จะครอบคลุมการแก้ปัญหาของประเทศทุกด้านอย่างยั่งยืน เพื่อแก้ 6 โจทย์ใหญ่ คือ เพื่อให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความเหมาะสมกับสภาพสังคมไทย เพื่อให้มีการเลือกตั้งที่สุจริตและเป็นธรรม มีกลไกป้องกัยและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบที่มีแระสิทธิภาพ ขจัดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทำให้กลไกของรัฐสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็ว มีการบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัดและเป็นธรรม การปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องของทุกคน เพราะประเทศไทยเป็นของทุกคน และทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศ การปฏิรูปประเทศจึงจะสำเร็จได้ การปฏิรูปเริ่มต้นได้ที่ตนเอง ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องมาร่วมมือกันปฏิรูปประเทศ เพื่ออนาคตที่ดีของประเทศ
นายอลงกรณ์กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีของการปฏิรูปประเทศ มีข้อบ่งชี้หลายประการ ที่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยดีขึ้น แข็งแรงขึ้น เช่น ธนาคารโลกปรับตัวเลขประเมินอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปี 2559 ดีขึ้น, ได้รับการจัดอันดับจาก IMD ว่ามีขีดความสามารถในการแข่งขันปี 2559 ของไทยดีขึ้น แซงเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก, ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นประเทศที่ดีที่สุดอันดับที่ 21 ของโลก และเป็นอันดับ 5 ของเอเชีย, ได้รับการจัดอันดับกับ CNN ยกกรุงเทพฯ เป็นเมือง street food ที่ดีที่สุดของโลก มีอาหารริมทางที่ดีที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน, การเติบโตของ GDP ปี 2559 เติบโตร้อยละ 3.2 ด้านศักยภาพในการผลิตและการส่งออกสินค้าและบริการนั้น
“ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ในสินค้าและบริการหลายด้าน เช่น เป็นผู้ผลิตและส่งออกปลาทูน่ามากเป็นอันดับ 1 ของโลก ส่งออกข้าวในปีการผลิต 2556/2557 เป็นอันดับ 1 ของโลก ส่งออกยางพาราเป็นอันดับ 1 ของโลก ในปีการผลิต 2554-2556 การส่งออกของไทยดีขึ้น ในเดือนธันวาคม 2559 ขยายตัวถึงร้อยละ 6.2 เป็นบวกในครั้งแรกในรอบ 4 ปี เชื่อว่าการส่งออกไทยจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ตามศักยภาพที่ร้อยละ 5 เมื่อสถานการณ์โลกปรับตัวกลับเข้าสู่ปกติในระยะต่อไป” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์กล่าวต่อว่า การปฏิรูปประเทศเข้าสู่โรดแมประยะที่ 2 โดยจะสานต่อการปฏิรูปในโรดแมประยะที่ 1 ซึ่งมีเป้าหมายคือ ในปี 2560 จะปฏิรูป 27 วาระเร่งด่วน 42 ประเด็น 5 ด้าน ได้แก่ ด้านกลไกภาครัฐ ด้านเครื่องมือพัฒนาฐานรากด้านเศรษฐกิจอนาคต ด้านคน และด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้ง พ.ร.บ. เพื่อการปฏิรูปให้แล้วเสร็จ ขณะนี้มีกฎหมายเพื่อการปฏิรูปอยู่ในขั้นตอนการนำส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติบรรจุในระเบียบวาระเพื่อพิจารณากฎหมายที่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา 8 ฉบับ และมีกฎหมายที่ส่วนราชการกำลังดำเนินการ จำนวน 36 ฉบับ ขณะนี้ สปท.นำส่งแผนปฏิรูปประเทศไปยังรัฐบาลแล้วจำนวน 146 เรื่อง เหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของการปฏิรูปประเทศมีความคืบหน้าในการปฏิรูปประเทศ และ 27 วาระปฏิรูปเร่งด่วน 42 ประเด็น จะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2560 ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้อย่างแน่นอน การปฏิรูปประเทศคือการซ่อม เสริม สร้าง ยกเครื่องประเทศใหม่ ก้าวข้าววิกฤตในอดีตที่ผ่านมา ก้าวขึ้นไปประเทศไทยยุคใหม่ คือ ประเทศไทย 4.0 ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี