“บิ๊กป้อม” เผยตั้ง กก.4 ฝ่ายสอบเหตุวิสามัญนักกิจกรรมชาวลาหู่ รอผลสอบสวน แย้มติดกล้องวงจรปิดพื้นที่สุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ ยัน จนท.ไม่ใช้อำนาจขู่พยาน ขออย่าเกรงกลัวทหาร
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กระทรวงกลาโหม กล่าวถึงแนวทางการสืบสวนสอบสวนกรณีเจ้าหน้าที่ทหารทำการวิสามัญ นายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ อายุ 21 ปี เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า แนวทางการสอบสวนนั้นมีอยู่แล้ว โดยจะตั้งคณะกรรมด้วยกัน 4 ฝ่าย ประกอบด้วย ตำรวจ แพทย์ อัยการและฝ่ายปกครอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ จึงไม่สามารถสรุปอะไรได้ต้องรอขั้นตอนการสอบสวนให้เสร็จสิ้นก่อน เมื่อสอบสวนเสร็จแล้วทางคณะกรรมการจะออกมาชี้แจ้ง
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะมีการเร่งดำเนินการชี้แจ้งเรื่องดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ขอให้คณะกรรมการทั้ง 4 ฝ่ายได้ร่วมการทำงานแล้วจึงจะออกมาบอกว่าอะไรถูกอะไรผิด ในส่วนของกองทัพบกได้ตั้งคณะกรรมสอบสวนขึ้นมาตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมควบคู่กันไปด้วยเนื่องจากเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำเกินกว่าเหตุ ส่วนกรณีที่พบว่านายนายชัยภูมิ ป่าแส มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติด หากพบข้อมูลที่เชื่อมโยงทางคณะกรรมการจะดำเนินการออกมาเปิดเผยเอง
ผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ที่จะติดตั้งกล้องในพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่สุ่มเสี่ยงแก่การวิสามัญฯ รวมถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ว่าจะให้ทุกหน่วยงานรวมถึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมกันติดกล้องวงจรปิดและไฟส่องสว่าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายตลอดจนสามารถติดตามตัวผู้กระทำผิดได้ พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทหารไม่การใช้อำนาจข่มขู่พยาน ขอให้ทุกฝ่ายพูดตามข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่าไม่มีบุคคลใดเข้ามาให้ข้อมูลความจริงเพราะเกรงกลัวอำนาจทหารนั้น
“ผมเป็นเจ้าของทหาร ยังกลัวพวกคุณเลย ไม่ต้องไปกลัวอะไรทั้งนั้น เรื่องข้อเท็จจริงก็ว่าไปตามนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง” พล.อ.ประวิตรกล่าว