ที่ปรึกษากฎหมายทักษิณ โต้ รบ.ไม่สามารถเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปได้ ได้ข้อยุตินานแล้ว ขยายอายุความต่อไม่ได้ ซัดเพิ่งเคยได้ยินคำว่าอภินิหารทาง กม. ที่รัฐนำมาไล่บี้ จี้ยึดหลักนิติธรรม พิจารณารอบคอบ เผยนายใหญ่หวังได้รับความเป็นธรรม ลั่นไม่หยุดพร้อมตั้งทนายสู้
วันนี้ (22 มี.ค.) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของนายทักษิณ ชินวัตร ยืนยันว่ากรมสรรพากรไม่สามารถออกใบประเมินภาษีเรียกเก็บภาษีย้อนหลังหุ้นชินคอร์ปของนายทักษิณ จำนวน 329.2 ล้านหุ้นได้ เพราะหุ้นดังกล่าวศาลภาษีอากรกลางได้ยกคำฟ้อง ไม่ใช่หุ้นของนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณที่ซื้อมาจากแอมเพิลริช เป็นเพียงแค่ผู้ถือหุ้นแทน จึงไม่สามารถเรียกเก็บภาษีได้ อีกทั้งไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นจึงไม่มีเงินได้ และภาระภาษี เพราะหุ้นเป็นของนายทักษิณ และคุณหญิงพจมานมาตั้งแต่ต้น
ส่วนการขายหุ้นชินคอร์ปให้กลุ่มเทมาเส็กมีการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์จึงไม่มีภาระภาษี ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 ข้อ 2 (23) ที่บังคับใช้กับทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น และเงินขายเงินที่ขายหุ้นชินคอร์ป จำนวน 46,000 ล้านบาท ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินไปแล้ว เมื่อ 8 ปีที่แล้ว
นายนพดลยังกล่าวว่า ประเด็นการขายหุ้นชินคอร์ปได้ข้อยุติไปนานแล้ว และกรมสรรพากรก็ระบุว่าไม่อาจดำเนินการได้ แต่การจะใช้อภินิหารทางกฎหมาย เพราะเจอช่องทางที่สมควรจะเสี่ยงน่าจะเป็นไปไม่ได้ ประกอบกับยังมีความเห็นข้อกฎหมายที่ยังขัดแย้งกันอยู่ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลและกรมสรรพากรพิจารณาอย่างรอบคอบตามหลักนิติธรรม
“ส่วนตัวศึกษากฎหมายมาก็เพิ่งเคยได้ยินคำว่าอภินิหารทางกฎหมายครั้งแรก แต่ที่ได้ยินมานานและเห็นว่าสิ่งที่นักกฏหมายต้องปฏิบัติตามคือหลักนิติธรรม ผมเห็นว่าในยามที่เราต้องการสร้างความปรองดอง หลักนิติธรรมจะนำเราไปสู่ความปรองดองแน่นอน ไม่ต้องเสี่ยง ท่านทักษิณเคยพูดว่าเป็นหนูตัวเล็กๆ อายุก็ 68 ปีแล้ว อยู่ต่างประเทศเงียบๆ แต่ก็ยังรักและปรารถนาดีต่อประเทศเสมอมา ท่านก็หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมในเรื่องนี้ ผมจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบและบังคับใช้กฎหมายตามหลักนิติธรรม เท่าเทียมและเสมอภาค เชื่อว่ากรมสรรพากรเป็นผู้มีความรู้เรื่องกฎหมายภาษีเป็นอย่างดี และได้พิจารณาเรื่องภาษีหุ้นชินคอร์ปโดยสุจริต ถ้าการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบก็จะได้รับความคุ้มครองและไม่ถูกฟ้องตามมาตรา 157 และการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรมจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อหน่วยงานของรัฐและช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศอีกด้วย” นายนพดลกล่าว
นายนพดลยังกล่าวว่า หากยังคงมีการยื่นใบประเมินภาษีก็จะตั้งทีมทนายเพื่อสู้คดี แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะฟ้องกลับกรมสรรพากรหรือไม่ โดยยืนยันว่าขณะนี้เรื่องนี้จบไปแล้วเพราะคดีขาดอายุความ ไม่สามารถขยายอายุความเพิ่มได้อีก แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่ากรมสรรพากรส่งใบประเมินภาษีให้นายทักษิณแล้วหรือไม่