อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แจง “วีระ” แฉปล่อยเปิดบ่อนบนพื้นที่ทับซ้อนไทยกัมพูชา ยันกาสิโนอยู่ในฝั่งเขมร ห่างจากไทยถึง 300 เมตร ไม่ใช่เขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ชี้กล่าวหาผิด ม.157 ไม่ถูกต้อง เผยอุทยานฯ ได้งบจากรัฐไม่เกี่ยวยูเนสโก
วันนี้ (20 มี.ค.) นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ชี้แจงกรณีที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน ออกมาให้ข้อมูลถึงการเปิดกาสิโนบนพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา บริเวณ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ว่ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ตรวจสอบแล้ว พื้นที่บริเวณจุดที่ตั้งบ่อนกาสิโนดังกล่าว อยู่ในเขตประเทศกัมพูชา ห่างจากแนวเขตประเทศไทย ประมาณ 300 เมตร จึงมิได้อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติตาพระยา ตามแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินฯ ให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติแต่อย่างใด ดังนั้น เมื่อพื้นที่ของกาสิโนอยู่นอกแนวเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา จึงไม่ถือว่าเป็นการบุกรุกแผ้วถางทำลาย หรือละเมิดข้อห้ามต่างๆ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติฯ อธิบดีกรมอุทยานฯ จึงไม่มีอำนาจบังคับใช้ พ.ร.บ.อุทยานฯ แต่ประการใด ดังนั้นการกล่าวหาว่า อธิบดีกรมอุทยานฯ มีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157 จึงไม่ถูกต้อง
สำหรับประเด็นข้อกล่าวหาว่า จะส่งผลกระทบต่อการสนับสนุนงบประมาณ ที่ประเทศไทยจะได้รับจากศูนย์มรดกโลกนั้น นายธัญญาระบุว่า โดยทั่วไปศูนย์มรดกโลกจะสนับสนุนงบประมาณให้ความช่วยเหลือเฉพาะการฟื้นฟูดูแลบริหารจัดการพื้นที่มรดกโลก ที่ถูกคุมคามเสียหายและอยู่ในภาวะอันตราย เพื่อให้คงไว้ซึ่งคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลหรือสภาพทางธรรมชาติของพื้นที่มรดกโลก ตามคู่มือแนวทางการอนุวัติอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเท่านั้น กล่าวคืองบประมาณที่ใช้ในการบริหารจัดการของอุทยานแห่งชาติตาพระยา ในปัจจุบันกรมอุทยานฯ ใช้จากระบบงบประมาณปกติที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อเป็นอันชัดเจนว่ากาสิโนดังกล่าวอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยา ประเด็นข้อกล่าวหาดังกล่าวจึงไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด
นายธัญญาระบุอีกว่า ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้กำชับสั่งการให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ในสังกัด ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกปฏิบัติงานลาดตระเวนเพื่อป้องกันการบุกรุกกระทำผิดละเมิดกฎหมายในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับอุทยานแห่งชาติในอนาคต ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ในการบัญญัติกฎหมายอุทยานแห่งชาติที่ว่า “เพื่อคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ เช่น พันธุ์ไม้ สัตว์ป่า ตลอดจนทิวทัศน์ ป่าและภูเขาให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิม มิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่ออำนวยประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่รัฐและประชาชนสืบไป”