xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอยวีรกรรม “โกตี๋” หลัง “เหวง” อ้างไม่เกี่ยว นปช.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานี (แฟ้มภาพ)
ผู้จัดการออนไลน์ - หลังจากที่แกนนำ นปช.ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งขันกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐนำกำลังตรวจค้นภายในบ้านพักของเครือข่าย “โกตี๋” แกนนำคนเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ จ.ปทุมธานี ซึ่งหลบหนีความผิดฐานหมิ่นสถาบันไปอยู่ต่างประเทศ จนพบระเบิด อาวุธปืนสงคราม กระสุนปืน ซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมากวานนี้ (18 มี.ค.) ว่า “ไม่ได้เป็น นปช.เพราะเคลื่อนไหวในแนวทางที่รุนแรง และอาจจะใส่แค่เสื้อสีแดงเท่านั้น” เป็นข้อเท็จจริงหนึ่งที่ทำให้ต้องย้อนกลับไปดูว่า นายวุฒิพงศ์ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับ นปช.นั้น จริงหรือไม่

เมื่อตรวจสอบประวัติของ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ พบว่าเขาก่อตั้งกลุ่มปทุมธานีรักษ์ประชาธิปไตย เมื่อปี 2552 โดยมีรายงานว่าได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ในจังหวัด เคยนำมวลชนไปบุกล้มการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่โรงแรมรอยัลคลิฟ พัทยา จ.ชลบุรี ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อมาในปี 2553 ในช่วงที่กลุ่มคนเสื้อแดงก่อการชุมนุมขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็ได้นำกำลังเข้าบุกยึดสถานีไทยคม อ.ลาดหลุมแก้ว จนเกิดเหตุปะทะกับทหาร และเมื่อกองทัพสามารถสลายการชุมนุมของ นปช.ในการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ได้สำเร็จ นายวุฒิพงศ์ก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในทางแจ้งแต่อย่างใด

จนกระทั่งช่วงก่อนการเลือกตั้งในปี 2554 นายวุฒิพงศ์ได้กลับมาจัดรายการวิทยุคนเสื้อแดง และจัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงขึ้นตามยุทธศาสตร์ของ นปช. โดยมี พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งต่อมาเป็นข้าราชการการเมือง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร่วมเป็นประธานเปิดหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังเคยมีข่าวว่าถูกอดีตการ์ดคนเสื้อแดงแจ้งความในข้อหาทำร้ายร่างกายระหว่างที่นายวุฒิพงศ์ช่วย นายสุเมธ ฤทธาคนี หาเสียงในการเลือกตั้ง ส.ส.ปทุมธานีด้วย หลังจากนั้นนายวุฒิพงศ์ก็ได้เคลื่อนไหวในลักษณะข่มขู่คุกคามอย่างต่อเนื่อง ทั้งการร่วมกับ พ.ต.ต.เสงี่ยมไปเปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ เขตสายไหม ในช่วงน้ำท่วมใหญ่

ส่วนในปี 2555 ได้นำกำลังไปชุมนุมบุกขับไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จนถูกสำนักงานศาลฯ แจ้งความฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน, ร่วมมือกับนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ปิดถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออกเพื่อเรียกร้องการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย 20,000 บาท, ไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังถูกฟ้องประเด็นจำนำข้าว รวมทั้งการเข้าก่อกวนการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่โรงเรียนชุมชนประชาธิปัตย์วิทยาคาร,มหาวิทยาลัยรังสิต และร่วมกับกลุ่มแดงบางเมือง จ.สมุทรปราการ ปิดล้อมสมาคม ไต้หวันแห่งประเทศไทย ไม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เข้าไปบรรยาย

นอกจากนี้ นายวุฒิพงศ์ยังเคยให้สัมภาษณ์แก่ นสพ.โพสต์ทูเดย์ เมื่อปี 2555 โดยยอมรับว่าได้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่ปี 49 กลุ่มวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ กลุ่ม 24 มิถุนาฯ เป็นการ์ดให้ นปช.ก่อนจะแยกออกมาตั้งกลุ่มอิสระหลังพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เพราะแกนนำ นปช.ลดบทบาทลง โดยยึดหลักสันติแต่ไม่อหิงสา ถ้าแรงมาก็แรงไป แม้จะประกาศไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย แต่ก็ยังมีการเข้าไปขอคำปรึกษาจากคนในพรรคทั้ง นายมานิต จิตต์จันทร์กลับ นายสุนัย จุลพงศธร นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล นายคณิน บุญสุวรรณ แต่เรื่องเงินไม่เกี่ยวข้อง โดยยืนยันว่ายังให้การสนับสนุนพรรค และรัฐบาล

ในช่วงต้นปี 2556 นายวุฒิพงศ์ได้นิมนต์ พระมหาโชว์ ทัสสนีโย ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) มาฉันเพลในโอกาสทำบุญสถานีวิทยุชุมชนของตน แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองมากนัก โดยมีรายงานว่านายวุฒิพงศ์มีความขัดแย้งกับคนเสื้อแดงสายวิทยุชุมชน ในชื่อกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนถูกขับออกจากกลุ่มในปัญหาการส่งสัญญาณทับคลื่น

แต่ต่อมาในช่วงปลายเดือน พ.ค. นายวุฒิพงศ์ก็เริ่มออกมาเคลื่อนไหวทั้งการปรากฏตัวบนเวทีปราศรัย "ทวงคนดีคืนถิ่น เอาทักษิณกลับบ้าน" ที่ จ.อุดรธานี ของ นายขวัญชัย สาราคำ ประธานชมรมคนรักอุดร, ร่วมมือกับ พล.ต.เทียมศักดิ์ สุขานุยุทธ และนายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ อดีตผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคเพื่อไทย บุกไปปราศรัยโจมตีเวทีปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จ.สุพรรณบุรี, นำคนเสื้อแดงบุกโจมตีเวทีพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลำพูน, ไปชุมนุมขัดขวางกลุ่มคนหน้ากากขาวรวมตัวที่ จ.ลำปาง, ไปสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นหนังสือปกป้อง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ถูกสอบสวนประเด็นจริยธรรม กรณีที่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประดับยศ, นำญาติผู้เสียชีวิตเหตุสลายการชุมนุม ปี 53 สนับสนุนสภาผู้แทนราษฎร ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย, ร่วมมือกับ นายพงษ์พิศิษฐ์ คงเสนา หรือ เล็ก บ้านดอน ประธานภาคีพลังประชาชน กดดันให้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติลาออกจากตำแหน่ง, นำมวลชนก่อกวนเวทีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาดพร้าว, นำชาวปทุมธานี ขับไล่นายกเทศมนตรีตำบลลาดสวาย ต.คูคต อ.ลำลูกกา, นำกำลังบุกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แอบอ้างชื่อนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ขนถุงยังชีพขึ้นรถ ถูกพนักงานขวางก่อนจะมีการเจรจาทางโทรศัพท์กับประธานที่ปรึกษา รมว.พลังงาน จึงยอมคืน, นำกำลังบุกปะทะกลุ่มภาคีเครือข่ายประชาชนปทุมธานี ที่หน้าศาลากลางจังหวัด, ยื่นหนังสือให้กำลังใจกรรมการการเลือกตั้ง จัดการเลือกตั้ง, นำกำลังไปพรรคเพื่อไทย กล่าวโจมตี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่มายื่นหนังสือขอให้ทบทวนการจัดเลือกตั้ง

ขณะที่ในปี 2557 หลังจากที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เริ่มยกระดับการชุมนุม นายวุฒิพงศ์ก็ได้เคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงขึ้น โดยได้นำกำลังไปยังหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และเดลินิวส์ เพื่อไม่ให้นำเสนอข่าวการชุมนุมของ กปปส., นำกำลังปะทะ กปปส.ปทุมธานี จนมีผู้ถูกอาวุธปืนยิงบาดเจ็บ

และหลังจากที่ กปปส.ได้ประกาศชัตดาวน์กรุงเทพฯ ก็มีรายงานว่า นายวุฒิพงศ์ก็ได้นำกำลังพร้อมอาวุธเข้าโจมตีที่ด่านของ กปปส.เวทีศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อข่มขู่มวลชน จนกระทั่ง พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ถึงกับแสดงความเห็นรับไม่ได้กับพฤติกรรมดังกล่าว ขณะที่ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กลับตอบโต้ว่า นายวุฒิพงศ์ไม่ได้เข้ามาก่อกวน และยังคงอยู่ที่ จ.ปทุมธานี เช่นเดียวกับเจ้าตัวก็อ้างว่าไม่ได้ไปก่อเหตุดังกล่าว และเชื่อว่ามีการแอบอ้างชื่อ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการชุมนุมแกนนำ กปปส.และเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ก็อ้างว่าได้จับตัวบุคคลพร้อมอาวุธ พกบัตรทีมงานของนายวุฒิพงศ์อยู่ต่อเนื่อง ขณะที่นายวุฒิพงศ์ได้เข้ามาให้ปากคำต่อ พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตามคำสั่งของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยยืนยันว่าไม่ได้เดินทางมา กทม. และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น

ขณะที่เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างคนเสื้อแดงที่ชุมนุมภายในวัดหลักสี่ กับ กปปส. และ คปท.ที่ปิดล้อมสำนักงานเขตหลักสี่เพื่อสกัดการย้ายหีบบัตรและอุปกรณ์จัดการเลือกตั้งบริเวณแยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. จนมีการใช้อาวุธปืนยิงใส่จนมีผู้บาดเจ็บหลายรายนั้น ก็มีชื่อของนายวุฒิพงศ์เป็นผู้นำมวลชนไปก่อเหตุ และนายวุฒิพงศ์ก็ออกมาปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่ได้สั่งการ เพราะไปให้ปากคำตำรวจที่ สน.ดอนเมือง แต่ได้ให้ยืมรถสถานีวิทยุเคลื่อนที่ติดเครื่องเสียงรวมทั้งกระจายเสียงทางวิทยุ และได้แวะมาพบกลุ่มคนเสื้อแดงพร้อมกับตำรวจที่ควบคุมตัว ก่อนที่จะปล่อยให้ดาบเปี๊ยกและลุงนวยที่ดูแลพื้นที่ตัดสินใจกันเอง ซึ่งหลังจากนั้นนายวุฒิพงศ์ได้หลบหนีออกจากพื้นที่ทันที และอ้างว่าถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก สั่งฆ่า จน พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับยืนยันว่าไม่ให้อภัยกับคำพูดดังกล่าว โดยมีรายงานว่าหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชา และเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ก่อนจะกลับมาที่ จ.ปทุมธานี

ต่อมาได้เกิดเหตุปาระเบิดใส่สำนักงานวิทยุเรดการ์ดของนายวุฒิพงศ์ และหลังจากนั้นนายวุฒิพงศ์ก็ยังคงใช้เครือข่ายวิทยุกลุ่มปลุกระดมต่อเนื่อง ทั้งข่มขู่จับนายทหารระดับสูง รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และขึ้นป้ายขอแบ่งแยกดินแดน โดยนายวุฒิพงศ์ได้เข้ามอบตัวต่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พร้อมอ้างว่าทำขึ้นประชดประชัน ผบ.ทบ.ที่ไม่ดำเนินการกับกลุ่ม กปปส.ในข้อหากบฏ ซึ่งต่อมานายวุฒิพงศ์ก็ยังอ้างว่าถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในเดือนมีนาคมก็มีรายงานว่านายวุฒิพงศ์ได้นำมวลชนไปฟังการปราศรัยใหญ่ของ นปช.ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งยืนยันจะให้การสนับสนุนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.คนใหม่ นอกจากนี้ยังปลุกระดมจัดตั้งกองกำลังช้างสารกับมดแดง ทำขบวนการใต้ดินจัดชุดจลาจลปฏิบัติงานหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกปลดจากตำแหน่ง พร้อมทั้งยังไปเปิดสถานีวิทยุที่บริเวณสถานีขนส่งแม่สอด จ.ตาก ด้วย ก่อนจะถูกบุคคลนำอาวุธสงครามยิงถล่มสถานีและก็ได้ถูกสั่งปิดในเวลาต่อมา โดยนายวุฒิพงศ์ได้เดินสายไปยังสถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงในหลายจังหวัด ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ได้มีการจับกุมลูกน้องของนายวุฒิพงศ์ ในข้อหาพกพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน ระหว่างนำอุปกรณ์ติดตั้งวิทยุชุมชนไปที่ จ.เชียงราย

แต่แล้วในเดือนเมษายน นายวุฒิพงศ์กลับถูก น.ส.ยิ่งลักษณ์ สั่งการให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทำหนังสือถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีอาญาในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ฐานให้สัมภาษณ์พาดพิงสถาบันกษัตริย์กับสื่อต่างประเทศ และแน่นอนเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธาน นปช. ก็อ้างว่านายวุฒิพงศ์ไม่ได้ขึ้นกับ นปช. ไม่เคยเข้ามาร่วมกับเราเลย จะรับผิดชอบก็คงไม่ได้ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคนที่วุฒิภาวะไม่เพียงพอ ขณะที่นายวุฒิพงศ์ซึ่งหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรไปแล้วก็ได้ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธ โดยระบุว่าตนต่อสู้เพื่อพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลมาโดยตลอด โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่พอทางฝ่าย กปปส.พูดมาเพียงนิดเดียวก็จะมาดำเนินคดีกับตนโดยไม่มีการตรวจสอบแต่อย่างใด ซึ่งมันไม่ถูกต้อง จึงอยากขอความเป็นธรรมบ้างไม่ใช่ว่าพอเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล

นั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไม นปช.ถึงพยายามปฏิเสธว่า “โกตี๋” ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา
กำลังโหลดความคิดเห็น