อดีต ส.ส.นครนายก ประชาธิปัตย์ ขอบคุณนายกฯ สั่งสรรพากรเก็บภาษี “ทักษิณ” หวังเป็นแนวปฏิบัติในอนาคต ยันยอดอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้าน ชี้มีอีก 14 โครงการใหญ่ที่สามารถเรียกเก็บรายได้เข้ารัฐได้อีกถึง 450,000 ล้าน
วันนี้ (16 มี.ค.) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่สั่งการให้กรมสรรพากรดำเนินการจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นชินคอร์ปของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นการทำหน้าที่ในการรักษากฎหมายให้เป็นหลักและแนวปฏิบัติของบ้านเมืองในอนาคตต่อไป ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เคยสั่งการให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการทุจริตรวม 13 หน่วยงานเมื่อวันที่ 28 ก.ค.จนบัดนี้ยังไม่คืบหน้า ส่วนกรณีที่ใครมีความเห็นต่างในเรื่องนี้ขอให้สอบถามข้อกฎหมายจากนายวิษณุเอาเอง
“สังคมยังสับสนในยอดเงินภาษีดังกล่าว คือ ถ้านับจำนวนยอดที่ 12,000 ล้านบาทจะเป็นตัวเลขของศาลภาษีอากรกลาง แต่ต่อมามีคดีในศาลอาญากรณีนางเบญจา หลุยเจริญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และพวกที่ศาลอาญาได้ชี้ความเสียหายของรัฐรวมเป็นยอดเงินที่ 15,000 ล้านบาท” นายชาญชัยกล่าว
นายชาญชัยกล่าวต่อว่า นอกจากคดีนี้แล้วยังมีอีกหลายกรณีที่สามารถเรียกเก็บเป็นรายได้เข้ารัฐได้อีกโดยไม่จำเป็นต้องมาเรียกเก็บภาษีอื่น หรือเพิ่มภาษี หรือการเพิ่มค่าธรรมเนียมทำใบขับขี่ให้เป็นภาระของประชาชน โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สปท.ได้ศึกษาและทำรายงานสรุปถึงนายกฯ ให้รับทราบแล้ว เช่น กรณีการรวบรวมความเสียหายจาก 14 โครงการใหญ่ในรอบ 12 ปี ตั้งแต่ 2548-2560 รวมมูลค่า 450,000 ล้านบาท อาทิ กรณีบริษัท เอไอเอส ที่นายทักษิณสั่งให้แก้ไขสัญญาอนุญาตสัมปทานคลื่นโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวม 5 ครั้ง เสียหาย 88,000 ล้านบาท และกรณีการออก พ.ร.ก.สรรพสามิต โดยศาลพิพากษาว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบ ทำให้รัฐเสียหายกว่า 36,000 ล้านบาท รวมยอด 120,000 ล้านบาทที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาแล้ว หรือกรณีการทุจริตโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่อนุญาตให้บริษัทเอกชนเช่าพื้นที่และต้องแบ่งรายได้ 15% จากยอดขายสินค้าและบริการ โดยไม่มีการเชื่อมต่อระบบบันทึกการขายและตัดยอดสินค้าในคลังทันที (พีโอเอส) ก่อให้รัฐเสียหายประมาณ 40,000 ล้านบาท และมีการลักลอบการขายสินค้าปลอดอากร ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของกรมศุลกากรตามคำพิพากษาของศาลฎีกา จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์เร่งกำชับหน่วยงานที่รับผิดชอบให้เร่งบังคับคดีและเร่งจัดเก็บภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายโดยเร็ว