xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ท.รับคำสั่งนายกฯ คดีใหญ่ห้ามเรื้อรัง อย่าให้มีคดีใหม่ เชื่อ มิ.ย.ส่งฟ้อง 987 คดีข้าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (แฟ้มภาพ)
เลขาฯ ป.ป.ท.เผยนายกฯ สั่งคดีใหญ่ห้ามเรื้อรัง อย่าให้มีคดีใหม่อีก พร้อมมั่นใจส่งฟ้อง 987 คดีจำนำข้าวได้ภายใน มิ.ย.นี้ ชี้สถานการณ์ทุจริตในไทยดีขึ้น

วันนี้ (15 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 15 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานว่า ได้แจ้งความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว เพื่อเรียกปรับค่าเสียหาย 80 เปอร์เซ็นต์ ต่อที่ประชุม โดยขณะนี้มีความคืบหน้า 30-40 เปอร์เซ็นต์ มีทั้งหมด 987 คดี และได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อไต่สวนทั้งหมดแล้ว คาดว่าภายในเดือนมิถุนายนจะสามารถสรุปสำนวนคดีทางแพ่งและอาญาส่งอัยการฟ้องศาลได้ และอีกส่วนหนึ่งจะส่งให้หน่วยงานต้นสังกัดของผู้กระทำความผิดพิจารณาลงโทษ

นายประยงค์กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือการดำเนินการต่อคดีที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบนข้ามชาติ ซึ่งได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาดำเนินการศึกษาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพื่อกำหนดมาตรการป้องกัน และศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยขณะนี้มีองค์กรอิสระเข้ามาประเมินประเทศไทย ประเด็นที่ประเมินเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินด้วย ทำให้ที่ประชุมสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประเมินดังกล่าวให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้ประเทศไทยเสียโอกาสจากการประเมินดังกล่าว

นายประยงค์กล่าวว่า นอกจากนี้องค์กรความโปร่งใสนานาชาติที่ตั้งอยู่ในประเทศเยอรมนี ได้ประเมินมาตราวัดด้านการคอร์รัปชัน ระบุว่าการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลดีขึ้น โดยถามประชาชนทั้งภูมิภาคอาเซียนกว่า 20,000 คน โดยก่อนหน้านี้มีการประเมินเมื่อปี 2013 พบกว่าประชาชนคนไทย 66 คน บอกว่าสถานการณ์การทุจริตรุนแรงขึ้น แต่ในปี 2017 มีเพียงร้อยละ 14 ที่บอกว่าการทุจริตรุนแรงขึ้น ดังนั้นจะเห็นว่าสถานการณ์การทุจริตในประเทศไทยมีตัวชี้วัดที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้สร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อประชาชนเกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริต และการทำงานของทุกหน่วยงานต้องมีความโปร่งใส ไม่ขัดแย้ง เพื่อให้งานเดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อถามว่าได้หยิบยกคดีใหญ่ๆ เช่น คดีภาษีหุ้นชินคอร์ปมาหารือหรือไม่ นายประยงค์กล่าวว่า นายกฯ ได้กำกับว่าอย่าให้คดีใหญ่ๆ เกิดขึ้นและปล่อยให้เรื้อรังอีก ต้องแก้ของเก่าให้เร็วที่สุด ให้เป็นไปตามกฎหมาย อย่าให้เกิดปัญหาใหม่ และอย่าให้มีความวุ่นวายเกิดขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น