ข่าวปนคน คนปนข่าว
โต๊ะพูดคุยเสนอแนวทางปรองดอง ที่ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รับเป็นโต้โผ เตรียมปิดจ๊อบเบื้องต้นแล้ว หลังจากที่ 39 พรรคการเมือง จากที่เชิญไปทั้งหมด 42 พรรค เรียงหน้าเข้ากระทรวงกลาโหมร่วมวงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว .. วันนี้ (15 มี.ค.) เป็นคิวของ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ“คนเสื้อแดง”แล้วส่งท้ายด้วย“ทีมกำนัน”คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) วันศุกร์ที่ 17 มี.ค. ที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ จะนำทัพไปเกาะขบวนอย่างเหนียวแน่น แน่นอน
แต่ไฮไลต์ของ“ปาหี่ปรองดอง”รอบนี้ยังคงเป็น“เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ช่วงนี้ต้องมา“แก้ตัว”ว่าไม่ได้เสนอแนวคิดเรื่องนิรโทษกรรม พร้อมอ้างว่าเป็นแนวคิดเมื่อสมัย 5 ปีก่อน กับ“ดีลปรองดอง”ที่เคยจับ“บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้าคมช.ไปพบ ทักษิณ ชินวัตร ที่เมืองนอกต่างหาก ซึ่งก็จบไปแล้วเมื่อครั้งที่ คสช. เข้ามายึดอำนาจ พ.ค.57 .. แม้จะปฏิเสธไอเดียนิรโทษกรรม แต่กลับเซลเรื่อง“คนกลาง”อย่างหนักหน่วง เน้นไม่เลิกว่า ป.ย.ป. ต้องหา "คนกลาง" ที่มีบารมี-น่าเชื่อถือ-อำนาจ-เป็นธรรม เพื่อมากำกับให้“คู่ขัดแย้ง”พูดคุยกันได้ ... อิหรอบนี้ กะชงให้มี“นายกฯคนกลาง”น่ะซี๊
โด่งดังชั่วข้ามคืน "อนุสร จิรพงศ์" สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่เข้าออกรัฐสภามาเป็นปีๆ ไม่มีใครรู้จัก ดันไปมือไวเคาะกะโหลกพนักงานเสิร์ฟที่มาเรียกว่า“ป๋า” เท่านั้นล่ะได้เรื่องเลย เจอทั้งขุดคุ้ยประวัติการทำงาน ที่จู่ๆ โผล่มาเป็น สปท.ของรัฐบาลคสช.ได้ยังไง เพราะหน้าที่การงานที่ผ่านมาไกลจากงานปฏิรูปในตอนนี้มาก ส่วนใหญ่ถนัดไปทาง“กุนซือ”มีชื่อเป็นที่ปรึกษาหน่วยงานรัฐ-เอกชนหลายแห่ง สืบไปสืบมาก็มาโป๊ะเชะว่า “สปท.อนุสร”มีศักดิ์เป็น“หลานตา” ของ จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี และ“หลานลุง”ของพ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ที่เป็น“จปร.5”รุ่นเดียวกับ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท. แต่ที่คนให้ความสนใจมากกว่า กลับเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของ“สปท.อนุสร” ที่โพสต์ภาพคู่กับสาวสวยหลายนาง ... แบบที่คงจะเรียก“ป๋า”ไม่ได้ ต้องเรียก “โคะตะระป๋า”ดีกว่า
ใกล้หมดรอบ โบกมือลาจากเก้าอี้ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แล้วสำหรับ พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ที่อายุจะครบ 65 ปีบริบูรณ์ และต้องพ้นจากตำแหน่งตามที่กฎหมายกำหนด แต่ได้ยินว่า“ผู้ว่าฯพิศิษฐ์”ยังไม่อยากว่างงาน และอยากทำงานในตำแหน่งต่ออีกสักหน่อย ซึ่งทางเดียวที่จะทำได้ก็ต้องอาศัย“มาตรา 44”ยาสามัญประจำบ้านครอบจักรวาล ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. นั่นเอง เหมือนกับที่“ลุงตู่”เคยมีคำสั่งเว้นวรรคการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งใน“องค์กรอิสระ”ไปอย่างไม่มีกำหนด แต่เผอิญ ผู้ว่าฯสตง.ชื่อหล่น ไม่ได้อานิสงส์จากคำสั่งที่ว่านี่สิ ... แบบนี้“ผู้ว่าฯพิศิษฐ์”คงต้องออกแรงมากหน่อยแล้ว ไม่งั้นเบิร์ธเดย์ปีนี้ กร่อยแน่
แต่แนวโน้มคงยื้อเก้าอี้ยากพอตัว เลยมีกระแสข่าวว่า“ผู้ว่าฯพิศิษฐ์”งัดแผนสำรอง พยายามผลักดัน“เด็กในคาถา”ขึ้นรักษาการผู้ว่าฯสตง. แทนตัวเอง ในทำนองการส่งต่อ-มอบหมายงานจะได้ไม่ติดขัด แต่ก็เห็นว่า ทางคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ก็มองว่าอำนาจในการแต่งตั้งรักษาการผู้ว่าฯสตง. เป็นของตัวเอง ไม่ใช่ธุระของ“ผู้ว่าฯพิศิษฐ์”ที่จะส่งไม้ต่อ-มอบมรดกให้ใคร ... มาทรงนี้อาจเห็นอะไรสนุกๆ ที่สตง.อีกครั้ง หลังจากที่เคยมีเรื่องวุ่นๆ สมัยที่“หญิงเป็ด”คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ต้องพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการฯ คู่กรณีของ“หญิงเป็ด”เมื่อครั้งนั้น ก็ "ผู้ว่าฯพิศิษฐ์" คนนี้ นี่แหละ
วันนี้ (15 มี.ค.) กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จัดสัมมนา“50ปีอาเซียนกับการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ” เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของการสถาปนาอาเซียน งานเริ่มตั้งแต่ 09.00 น. ที่โรงแรม ดิ เอทัส ลุมพินี กรุงเทพฯ งานนี้ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ ควง ทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนา พร้อมระดมวิทยากรมากความสามารถที่เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งในและต่างประเทศ มาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับผู้ประกอบการเพื่อปรับกลยุทธ์ต่อการพัฒนาธุรกิจการค้าในเชิงรุก ภายใต้บริบทการปฏิรูประบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทยให้สอดรับกับนโยบายการขับเคลื่อนประเทศ ไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0 ด้วย
ช.ชฎา