“ประวิตร” เป็นประธานนำหน่วยราชการ-ภาคธุรกิจ-ศิลปินดารา ร่วมทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ครั้งใหญ่สุด 300 ตัน มูลค่านับพันล้าน วอนประชาชน “ไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่ใช้” พร้อมบังคับใช้กฎหมายจริงจัง
วันนี้ (10 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 10 มีนาคม ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว มีน้ำหนักประมาณ 300 ตันมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,756 ล้านบาท โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งมีศิลปินดารา ค่ายอาร์สยาม อาทิ ใบเตย อาร์สยาม ร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับการดำเนินการครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังหน่วยปราบปรามละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ประกอบด้วย กรมทรัพย์สินทางปัญญา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรมประชาสัมพันธ์ และภาคเอกชนเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย รวมถึงภาครัฐภาค เอกชน ศิลปิน นักแสดง ในปัจจุบันการศาลทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตสินค้าและบริการนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องมีระบบการบังคับใช้กฎหมาย ที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า คณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามโดยมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแห่งราชอาณาจักรบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐ 15 หน่วยงานในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการบริการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท ขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติของไทยมีประสิทธิภาพ และแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมาปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรมว่าการละเมิดในท้องตลาดและการละเมิดบนอินเทอร์เน็ตมีปริมาณลดน้อยลง
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือการปราบปรามทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในส่วนของการผลิตจำหน่ายและนำเข้าส่งออก ซึ่งยังเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญต่อการปราบปรามสินค้าและการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงพยายามป้องกันไม่ให้ของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุด ถูกนำกลับมาขายในตลาดอีกครั้ง จึงมีผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต ผู้แทนสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้าประเทศที่สำคัญ รวมทั้งผู้แทนหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนเจ้าของลิขสิทธิ์ ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกคนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง จะเป็นหลักประกันและผลักดันให้ระบบคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยเข้มแข็งเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน
“ขอไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่ใช้ เพื่อให้ต่างชาติยอมรับว่าเราเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ขณะนี้ส่วนใหญ่ประชาชนไม่ใช้แล้ว หากเราดำเนินการได้ ทำให้ประเทศปลอดภัยจากสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และการดำเนินการครั้งนี้เป็นการ ทำลายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มากที่สุด เป็นความร่วมมือทุกหน่วยงาน รวมถึงประชาชน” รองนายกฯ กล่าว