xs
xsm
sm
md
lg

มส.-ศาลพระ สึก “ธัมมชโย” วัดพลังอนาคตวงการสงฆ์ !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา



“ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 2 - 3 อย่าง คือ มาตรการทางการปกครองของรัฐซึ่งเป็นเรื่องทางกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม เพราะมีการกระทำความผิดถือเป็นการดำเนินการในมาตรการทางรัฐ ทางการปกครอง ในเรื่องที่ 2 คือ มาตรการทางสงฆ์ ทุกอย่างต้องดำเนินการไปตาม พ.ร.บ. สงฆ์ โดยทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และมหาเถรสมาคมอยู่ระหว่างดำเนินการ”

วันนี้อย่าหลงประเด็น เพราะถ้าไม่มีความผิดต่างๆ ก็ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ต้องยอมรับในกระบวนการยุติธรรม และเข้ามาต่อสู้ในกระบวนการ ทุกอย่างก็จบ ความเดือดร้อนต่างๆ ก็ลดลง

“สำหรับขั้นตอนหลังจากที่ได้มีการถอดสมณศักดิ์ของพระธัมมชโยออกไปแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของทางพระ ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ทำเรื่องชี้แจงหารือไปยังมหาเถรสมาคม ก็เปรียบเหมือนส่งเรื่องให้ศาลพระในการพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะมีขั้นตอนการอุทธรณ์ และอะไรอีกหลายอย่าง แต่ถ้าตัวไม่ออกมาก็จะทำอะไรได้ ปัญหาอยู่ที่ตัวคนเท่านั้นเอง”

คำพูดดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แย้มให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าขั้นตอนสำคัญต่อไปก็คือเป็นหน้าที่ของ “ศาลพระ” นั่นคือ “เถรสมาคม” หรือ มส. จะเป็นฝ่ายจัดการ

ขณะเดียวกัน เมื่อฟังจากการเปิดเผยของ สุวพันธุ์ ตันยุวรรณะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ระบุว่า คณะกรรมการเถรสมาคม จะมีการประชุมกันในวันศุกร์ที่ 10 มีนาคมนี้ และยังเผยว่า ในการประชุมดังกล่าวทางฝ่ายรัฐบาลก็มีวาระและประเด็นต่างๆ ไปเสนอด้วย

นอกจากนี้ ที่น่าสนใจก็คือ มีการระบุว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ทำหนังสือถึง “เจ้าคณะใหญ่หนกลาง” แล้วเป็นการแจ้งให้ทราบถึงพฤติกรรมของพระธัมมชโย ในเรื่องที่ “อาจขัดต่อพระธรรมวินัย” เพื่อให้พิจารณาดำเนินการต่อไป

นี่แหละท่อนสำคัญมันอยู่ตรงนี้ ตรงที่มีการทำหนังสือรายงานความประพฤติอันมิชอบทั้งทางโลกทางธรรม ไปถึง “เจ้าคณะใหญ่หนกลาง” ซึ่งก็คือ “ผู้บังคับบัญชาโดยตรง” ของ ธัมมชโย นั่นเอง

ดังนั้น ประเด็นน่าสนใจก็คือเวลานี้ “เจ้าคณะใหญ่หนกลาง” รับหนังสือรายงานพฤติกรรมความผิดแล้ว และ “มหาเถรสมาคม” ซึ่งเป็น “ศาลสงฆ์” มีประชุมกันในวันที่ 10 มีนาคม และน่าสนใจขึ้นไปอีกก็คือ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังมีตำแหน่งเป็น “เลขาฯเถรสมาคม” เป็นนำเสนอวาระการประชุมอีกด้วย

นั่นเป็นหลักการและขั้นตอนการดำเนินการกับ ธัมมชโย และวัดการกับวัดพระธรรมกายว่าจะต้องไปทางไหนจากหน่วยงานใด อย่างไรก็ดี การจัดการกับพวกเขามันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ต่างกับการที่รัฐบาลใช้ มาตรา 44 ใช้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทุ่มกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปปิดล้อมและตรวจค้นจับกุม ซึ่งผ่านมากว่า 20 วันก็ยังไม่คืบหน้าเหมือนกับการ “ตบหน้ารัฐ” เข้าอย่างจัง ไม่ต่างกับการ “สถาปนารัฐอิสระ” ขึ้นมาซ้อนอย่างอหังการ

ขณะเดียวกัน เมื่อหันมาพิจารณากันถึง “องคาพยพ” ของเถรสมาคมในปัจจุบันตามความเป็นจริงก็ต้องบอกว่าในจำนวนนั้นยังมีฝ่ายพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีใจเอนเอียง หรือพูดตรงๆ ก็คือ “เป็นพวก” ของ ธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย จำนวนไม่น้อย ไล่มาตั้งแต่ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ “สมเด็จช่วง” เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่เคยเป็นประธานเถรสมาคม ที่เกี่ยวข้องกันเป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชูกันมานานแบบ “วัดพี่วัดน้อง” รวมไปถึงกรรมการเถรสมาคมท่านอื่นๆ อีกหลายรูป ดีไม่ดีหากนับเสียงกันแล้วยังไม่แน่ชัดว่าฝ่ายไหนจะมีเสียงมากกว่ากันแน่

หากพิจารณาถึงความเป็นไปได้มติอาจจะถูกตีตกตั้งแต่ก่อนเสนอเข้าวาระประชุมเถรสมาคมด้วยซ้ำไปก็ได้ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาอีกมุมหนึ่งก็คือนี่เป็น “ยุคใหม่” และมีสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ ทุกอย่างมีความชัดเจนมองไปถึงอนาคตข้างหน้าได้แล้ว บรรยากาศอาจจะเปลี่ยนไปในอีกแบบหนึ่งก็เป็นได้

ดังนั้น นาทีนี้ถึงอย่างไรก็ต้องจับตามองความเคลื่อนไหวของ “เจ้าคณะใหญ่หนกลาง” ที่ถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ “ธัมมชโย” และวัดพระธรรมกาย ว่า จะจัดการอย่างไร ซึ่งเป็นไปไปได้ว่าอาจตัดสินใจในอีกไม่ช้า หรือนำเข้าหารือในที่ประชุมกรรมการเถรสมาคม รวมไปถึง “ขอใช้เวลา” ตัดสินใจอีกระยะหนึ่ง ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งสิ้น

แต่เท่าที่มองเห็นในตอนนี้ ก็คือ ฝ่าย “อาณาจักร” คือ รัฐบาล และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เริ่มนั่งไม่ติดต้องรีบส่งสัญญาณให้ “รีบจัดการ” เพราะรู้ดีว่าหากปล่อยให้เนิ่นนานออกไปเรื่อยๆ ย่อมไม่เป็นผลดี อาจเกิดเหตุไม่คาดหมายได้ตลอดเวลา และที่สำคัญนี่คือ การ “ท้าทาย” กฎหมาย ท้าทายอำนาจรัฐอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดังนั้น เชื่อว่า ในที่สุดทาง “ศาลสงฆ์” ต้องมีคำตอบทางใดทางหนึ่งออกมาอย่างแน่นอน อาจจะเป็นสึก “ธัมมชโย” แต่อย่างที่บอกแล้วว่ามันไม่ง่าย แต่ก็ต้อง “วัดกำลัง” กัน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น