อดีต ส.ส.พิษณุโลก โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณรัฐบาลฟังข้อท้วงติงปมระบายข้าวแนะ 4 ข้อคุมคุณภาพข้าว-ผลจากโกงรับจำนำฯ สะกิดเผยแพร่ภาพข้าวเสื่อม ตอกย้ำเพื่อไม่ให้มีปัญหาโกงซ้ำแบบจำนำข้าว
วันนี้ (8 มี.ค.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่าต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่รับฟังข้อเสนอแนะในการเปิดระบายข้าวรอบครั้งที่ 1/2560 เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา จากมีผู้เสนอซื้อข้าวสารราคาสูงสุดยอดรวม 2.03 ล้านตัน และประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) อนุมัติผลการจำหน่ายให้แก่ผู้เสนอซื้อสูงสุดจำนวน 41 ราย ใน 127 คลัง ปริมาณลดลงเหลือ 1.35 ล้านตัน เนื่องจากราคาที่เสนอต่ำมากผิดปกติ เพราะจะมีผลต่อเสถียรภาพของราคาข้าวในตลาด ดังนั้น สิ่งไหนที่รัฐบาลทำดีก็ต้องชมกัน ล่าสุดมีข่าวว่ารัฐบาลจะมีการจำหน่ายข้าวสารสต็อกรัฐบาลเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2560 ปริมาณ 3.66 ล้านตัน เป็นข้าวในกลุ่มที่มีเกรดซีปน 20% ขึ้นไป โดยต้องระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์และอุตสาหกรรมอื่นๆ
นพ.วรงค์ระบุต่อว่า มีข้อสังเกตที่รัฐบาลจะต้องระมัดระวัง 1. ข้าวเสื่อมคุณภาพ หรือข้าวเกรดซีจำนวน 3.66 ล้านตัน ไม่ได้ถูกแยกแยะอย่างชัดเจนออกจากข้าวคุณภาพปกติ หรือข้าวเกรดเอ แต่ในทางปฏิบัติข้าวเสื่อมเหล่านี้จะถูกซุกอยู่ภายในแต่จะถูกล้อมลอบด้วยข้าวคุณภาพดี ดังนั้นเมื่อเปิดประมูลเป็นกอง หรือยกคลัง ก็จะมีข้าวคุณภาพดีปะปน จะดำเนินการอย่างไรกับข้าวดีเหล่านี้ 2. อาจมีการผสมผสานข้าวเสื่อมคุณภาพ กับข้าวคุณภาพดีไว้ภายในกระสอบเดียวกัน ปัจจุบันมีเครื่องมือที่สามารถแยกข้าวคุณภาพเสื่อมออกจากข้าวคุณภาพดีได้ จะมีมาตรการอย่างไรที่ข้าวเหล่านี้เมื่อเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมจะไม่ถูกขนย้ายออกทางหลังโรงงานยามค่ำคืน เพื่อไปผ่านเครื่องแยกข้าวคุณภาพดี ไปขายในราคาตลาดได้ 3. แม้การเปิดประมูลรอบนี้จะเน้นไปที่ข้าวเสื่อมคุณภาพ รัฐบาลต้องระมัดระวัง ควรจะได้ราคาขายที่สมเหตุผล เพราะการเปิดประมูลปริมาณมากๆ จะมีผู้เข้ามาฉกฉวยกดราคาได้ 4. การที่มีข้าวเสื่อมคุณภาพ ปริมาณนับล้านตัน จำนวน 17 ชนิด ทั้งข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวหอมจังหวัด ข้าวขาว 5% ข้าวปทุมธานี 5% ข้าวขาว 10% เป็นต้น มีทั้งหมด 278 คลัง ใน 39 จังหวัด ดังนั้น รัฐบาลควรเผยแพร่ภาพข้าวเหล่านี้ให้สังคมได้รับทราบ เพื่อเป็นการยืนยันถึงปัญหาการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่ถูกปล่อยปละละเลย หรือรู้เห็นเป็นใจจากรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา เพื่อตอกย้ำว่าโครงการเช่นนี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีกในประเทศไทย และขอขอบคุณรัฐบาลอีกครั้งที่รับฟังข้อห่วงใย