“ประวิตร” ยัน จนท.ต้องหาทางเข้าไปดูสิ่งที่ธรรมกายปกปิดให้ได้ ขอสื่ออย่าห่วงมากใช้เวลาสักระยะ แจง จชต.ใช้กฎอัยการศึกอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ ม.44 คาดเหตุยิง ผช.ผญบ.มาจากการเมืองท้องถิ่น ชี้เหตุป่วนที่ผ่านมาไม่เกี่ยวกับคุยสันติสุข
วันนี้ (7 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นห่วงการเผชิญหน้าของเจ้าหน้าที่รัฐและศิษย์วัดพระธรรมกายว่า เจ้าหน้าที่รัฐต้องหาทางเข้าไปดูสิ่งที่วัดพระธรรมกายไม่ต้องการให้ดูให้ได้ ส่วนพระธัมมชโยจะมอบตัวหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ต้องเข้าไปและตกลงกันให้ได้ ไม่อยากให้สื่อห่วงมาก เจ้าหน้าที่จะทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ แต่ขอเวลาสักระยะ ส่วนที่เป็นห่วงกันว่าการดำเนินการจะยืดเยื้อแล้วสื่อจะให้ทำอย่างไร จะให้เข้าไปตีพระหรือ
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ถ้าจะนำกำลังออกมาแล้วใช้ตัวแทนเข้าไปเจรจาในการพูดคุย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เราทำอยู่แล้ว สื่อไม่ต้องสอน ขอให้ใจเย็นๆ เจ้าหน้าที่มีขั้นตอนดำเนินการอยู่ ส่วนที่มีการขุดคลองและสร้างแบริเออร์บริเวณอาคารบุญรักษานั้น ตนทราบแล้วไม่เป็นอะไร ไม่ได้ถึงกับสร้างป้อมหรือสร้างค่ายอะไรในเชิงยุทธวิธีทหาร มองว่าเป็นเพียงไม่ต้องการให้รถผ่านเท่านั้น
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีเครือข่ายชาวพุทธภาคใต้เสนอให้รัฐใช้อำนาจตามมาตรา 44 แก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ว่า ในพื้นที่มีกฎอัยการศึกอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไร แต่สถานการณ์บางครั้งเป็นงานด้านความมั่นคง บางครั้งไม่ใช่ ปะปนกันไป บางครั้งก็เกี่ยวกับเรื่องการเมืองท้องถิ่นด้วย ขณะนี้กำลังสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ว่าสาเหตุมาจากอะไรกันแน่เพื่อให้เกิดความชัดเจน เมื่อถามว่าสาเหตุการลอบยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาจากอะไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เบื้องต้นน่าจะเป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่น เพราะเขาเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แต่รายละเอียดแม่ทัพภาคที่ 4 กำลังสรุปมา เมื่อถามย้ำถึงกรณีรอบยิงทหารในวันเดียวกันนั้นมีสาเหตุจากอะไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า น่าจะเป็นเช่นเดียวกัน
เมื่อถามถึงการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย หลังจากพูดคุยสันติสุข พล.อ.ประวิตรตอบว่า ต้องรอให้มีการตกลงให้ได้ก่อน รอความชัดเจนจากคณะพูดคุยว่าใน 5 พื้นที่จะมีพื้นที่ใดบ้าง แต่เหตุความไม่สงบที่ผ่านมาไม่เกี่ยวกับการพูดคุยสันติสุข เพราะมีการออกมาระบุแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การดำเนินการของกลุ่มมาราปาตานี