ป.ป.ช.สอบซ้ำ 3 รอบ “สุวัฒน์” ซี 8 สรรพากร กทม.รวยผิดปกติ พันคดี “คืนภาษี 4.3 พันล้าน” โยง “สาธิต” อดีตอธิบดีกรมสรรพากร มีเหตุอันควรสงสัยร่ำรวยผิดปกติ เผย ป.ป.ช.เคยชี้มูล ก่อนหน้านี้ และมีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด พิจารณายึดทรัพย์ไปแล้ว 597 ล้านบาท
วันนี้ (7 มี.ค.) มีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2560 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงนายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ อดีตข้าราชการระดับ 8 สำนักงานสรรพากรพื้นที่ กทม.27 กรมสรรพากร กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าร่ำรวยผิดปกติ และแจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯให้นายสุวัฒน์รับทราบแล้ว
“ล่าสุด น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. และประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้ไต่สวนเหตุอันควรสงสัยว่าร่ำรวยผิดปกติ แล้ว 3 ครั้ง เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2 ก.พ. และล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มี.ค.”
ก่อนหน้านั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ อดีตนักวิชาการสรรพากรชำนาญพิเศษ สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 27 กรมสรรพากร กรณีร่ำรวยผิดปกติ 597,728,229 บาท และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นคำร้องต่อศาลให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน โดยได้พิจารณารายงานผลการไต่สวนข้อเท็จจริงชุดที่แล้วเห็นว่า มีเงินที่สืบเนื่องมาจากคดีทุจริตการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 4.3 พันล้าน ไหลเวียนเข้าสู่บัญชีนายสุวัฒน์ รวม 597,728,229 บาท แบ่งเงินออกเป็นสองก้อน ได้แก่
ก้อนแรกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบพบว่าเป็นเงินที่นายสุวัฒน์ได้มากจากกลุ่มบริษัทผู้ประกอบการส่งออกที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบจำนวน 26 บริษัท รวมถึงกลุ่มของนายวีรยุทธ แซ่หลก ได้ฝากเข้าบัญชีเงินฝากของนายสุวัฒน์ และบุคคลใกล้ชิด รวมเป็นเงิน 415,897,041 บาท
กลุ่มที่ 2 เป็นทรัพย์สินจำนวนมากที่นายสุวัฒน์ไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินได้ โดยมีพฤติการณ์ที่นำทรัพย์สินไปไว้ในชื่อของคู่สมรส บุตร และญาติพี่น้องคู่สมรส รวมถึงนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องประมาณ 15 ราย โดยมีการถอนปิดบัญชี นำจำหน่าย จ่าย โอน หรือซื้อทรัพย์สินอื่นในชื่อของนายสุวัฒน์กับพวก ได้แก่ บัญชีเงินฝากธนาคาร 8 บัญชี เงินฝากหลักประกัน ดอกผล และเงินลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์ 5 แห่ง ที่ดิน 15 แปลง รถยนต์ 1 คัน ประกอบกับการตรวจสอบรายได้ของนายสุวัฒน์ ในช่วงปี 2552-2556 พบว่า มีรายได้รวมเพียง 2 ล้านบาท แต่ทรัพย์สินในส่วนนี้มีมากถึงกว่า 181 ล้านบาท
คดีนี้เป็นคดีที่ ป.ป.ช.พยายามจะนำเงินที่ถูกโกงไปกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด ขณะนี้ดำเนินการยึดทรัพย์ไปแล้ว 2 ราย คือ นายศุภกิจ ริยะการ อดีตสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 22 และนายสุวัฒน์
ส่วนกรณีของนายสาธิต รังคศิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ร่ำรวยผิดปกติ มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาทนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีมติชี้มูลความผิดนายสาธิตฐานร่ำรวยผิดปกติแล้วและส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ดำเนินการส่งฟ้องต่อศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินแล้วเมื่อปลายปี 2559 และปัจจุบันนายสาธิตถูกไล่ออกจากราชการแล้ว
นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังได้มีมติให้ส่งข้อมูลของบุคคลรายหนึ่งซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องในคดีทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 4.3 พันล้านบาท ไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดำเนินการสอบสวนเส้นทางการเงินด้วย