นายกฯ ประเดิมประชุมป.ย.ป. "สุวิทย์" แจง เน้นสร้างการรับรู้ผลงานรบ.นัดประชุมใหญ่ร่วม ป.ย.ป. 24 เม.ย. ศุภชัย ระบุ ดัชนีต่างชาติมองไทยกระเตื้ องเป็นบวก
วันนี้ (6 มี.ค.) เวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรั กษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิ รูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) โดยนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการฯ แถลงภายหลังการประชุมว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ชี้แจงถึงยุทธศาสตร์ชาติ การขับเคลื่อนการปฏิรูปหลังจากมีรัฐธรรมนูญ ถึง พ.ร.บ. หรือกฎหมายรองรับในทั้ง 7 ด้านมีอย่างไรบ้าง ซึ่งในที่ประชุมนายกฯ มองว่าผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 39 คน ไม่ได้มีหน้าที่เฉพาะให้คำปรึกษากับคณะกรรมการมินิคาบิเนตเท่านั้น แต่จะให้มีการหารือกันระหว่าง ป.ย.ป. และผู้ทรงคุณวุฒิในองค์รวม หรือจัดทำเวิร์คช็อปร่วมกัน โดยในวันนี้หลายท่านมีความคิดเห็นที่หลากหลาย โดยเฉพาะนายศุภชัย พานิชภักดิ์ ได้ระบุว่าดัชนีชี้วัดหลายตัวของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ ทั้งเรื่องธรรมาภิบาล นวัตกรรมอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องดีที่สื่อจากภายนอกมองภาพประเทศไทยเป็นบวกมากขึ้น นอกจากนี้ประเด็นที่มีความเห็นพ้องต้องกันคือเรื่องคุณภาพคน ที่ต้องร่วมกันพัฒนาโดยมองว่าทรัพยากรมนุษย์ไม่ใช่เรื่องกระทรวงศึกษาธิการอย่าเดียว แต่ต้องร่วมดำเนินการหลายภาคส่วนโดยใช้แนวทางประชารัฐ ขณะที่เรื่องการขับเคลื่ อนการปฏิรูปนั้นก็มีหลายเรื่ องที่ดำเนินการไปแล้ว ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะทำอย่างไรให้ ประชาชนทราบในสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว
“จุดที่เน้นมากในการประชุมวันนี้ คือการทำอย่างไรให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น ผมได้รับมอบหมายให้ประสานกับผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อดูว่าเราจะสร้างกลไกลงไปขับเคลื่อนเรื่องยุทธศาสตร์การปฏิรูป และการปรองดองในภาพรวม และจะสร้างกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านี้อย่างไร โดยใช้กระบวนการประชารัฐ” นายสุวิทย์ กล่าว
นายสุวิทย์ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมได้พูดถึงเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีความเห็นหลากหลายว่าใน 7 มิตินั้น น้ำหนักความสำคัญด้านความมั่นคง ทรัพยากรมนุษย์ ขีดความสามารถ จนกระทั่งเรื่องความเลื่อมล้ำ หัวใจสำคัญเห็นควรว่าจะต้องไปเน้นเรื่องคนเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามจากนี้ผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 คณะ ก็จะลงไปช่วยให้ข้อคิดเห็นและคำแนะนำตามคณะของตนเอง พร้อมกับหารือในภาพใหญ่ขององค์ รวมทั้ง 39 คน เนื่องจากที่ประชุมเห็นว่าผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดมีประสบการณ์ และองค์ความรู้ที่มากกว่าในคณะของตนเอง ทั้งนี้นายกฯ ย้ำว่าให้เริ่มผลักดันในเรื่องการสร้างความรับรู้ตั้งแต่วั นนี้เป็นต้นไป