นปช.ปัดแดงแจมธรรมกาย ซัดรัฐใช้ กม.เผด็จการลุย ถึงยึดวัดก็ยึดใจศิษย์ไม่ได้

แกนนำ นปช.โวยข่าวการ์ดเสื้อแดงแจมธรรมกายทำเสียหาย ยันไม่จริง อ้างมีหน้าที่พิทักษ์ประชาธิปไตย ไม่ได้พิทักษ์ศาสนา แต่ชูวัดต้นแบบปรองดอง คาดพยายามป้ายสี ยันค้านใช้ ม.44 ฟัน “ธัมมชโย” ตั้งข้อหาวัด เชื่อรัฐมีเจตนาอื่นมากกว่าจับอดีตเจ้าอาวาส โวถึงแม้ยึดวัดได้ก็ไม่สามารถยึดใจศิษย์ธรรมกายนับล้านคนได้ ซัดใช้กฎหมายเผด็จการลุยสถานปฏิบัติธรรมทำภาพลักษณ์เสีย ป้องวัดไม่ใช่รังเจ้าพ่อ

วันนี้ (3 มี.ค.) นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวระบุกลุ่ม นปช.เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของวัดพระธรรมกายในขณะนี้ว่า มีความพยายามเผยแพร่ข่าวในลักษณะบิดเบือนทำให้ นปช.เสียหายอย่างต่อเนื่อง บางข่าวถึงขั้นมโนว่า นปช.ส่งการ์ด 500 คนไปช่วยเหลือทางวัดเพื่อต่อต้านเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่วนตัวในฐานะที่เป็นแนวร่วม นปช.ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริง เนื่องจาก นปช.เป็นองค์กรการเมืองที่ทำหน้าที่พิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้มีหน้าที่พิทักษ์ศาสนาหรือวัดใด

นายก่อแก้วกล่าวต่อว่า แกนนำและแนวร่วมของ นปช.ประกอบด้วยคนไทยที่นับถือทุกศาสนา และ นปช.เคารพสิทธิเสรีภาพในการเลือกนับถือศาสนาของแต่ละบุคคลตามสิทธิเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย อีกด้านหนึ่งวัดพระธรรมกายก็ประกอบด้วยคนทุกสีเสื้อที่พร้อมเพรียงใจกันถอดเสื้อเหลือง เสื้อแดง เสื้อน้ำเงิน เสื้อเขียว หันไปใส่เสื้อขาวร่วมกันปฏิบัติธรรมตามความเชื่อของตน และอยู่ร่วมกันในวัดอย่างสันติสุข ปรองดองช่วยเหลือกัน ไม่แบ่งแยกสีเสื้อ เป็นแบบอย่างของการปรองดองโดยใช้ธรรมะมาหลอมรวมจิตใจกัน

“การบิดเบือนข่าวดังกล่าว ผมไม่แน่ใจว่าเป็นการข่าวที่ผิดพลาด หรือเป็นความพยายามในการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารเพื่อใส่ร้ายป้ายสี เหมือนกับที่ นปช.ถูกใส่ร้ายป้ายสีมาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งที่ นปช.มีเป้าหมายเดียว คือประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่แท้จริง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นายก่อแก้วระบุ

นายก่อแก้วกล่าวอีกว่า ถึงแม้ว่า นปช.ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับทางวัดพระธรรมกาย แต่ในฐานะแนวร่วมของ นปช.ก็ไม่เห็นด้วยในการใช้อำนาจมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวในการดำเนินการต่อพระธัมมชโย รวมถึงการตั้งข้อหาต่างๆ กับวัดหลายร้อยคดี เพราะเกิดข้อครหาและสังคมมองว่าไม่เป็นธรรม เป็นการกลั่นแกล้งกัน และคาดเดาว่ารัฐบาลมีเจตนาอื่นนอกเหนือจากการจับกุมพระธัมมชโย หากรัฐบาลมีเป้าหมายในการยึดวัดและทำลายแนวทางของวัดพระธรรมกายตามที่สังคมเล่าลือกันจริง โดยส่วนตัวมีความห่วงใยว่าอาจจะเป็นโทษมากกว่าเป็นประโยชน์ เพราะถึงแม้จะยึดวัดได้ แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถยึดกุมหัวใจศิษย์ธรรมกายนับล้านคนได้เลย แต่ในอีกด้าน ประเทศไทยที่มีปัญหาความแตกแยกทางสังคมจากเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจอยู่แล้ว จะเกิดความแตกแยกจากเรื่องศาสนาเพิ่มเข้ามาอีก ลำพังแค่จะแก้ปัญหาความแตกแยกทางการเมืองก็สำเร็จได้ยากมากอยู่แล้ว

“การที่รัฐบาลใช้กฎหมายเผด็จการ ใช้กำลังตำรวจทหารอย่างแข็งขัน ปิดล้อมวัด บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ในการจัดการกับวัด ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและสงบสุข ไม่ใช่รังเจ้าพ่อ ซุ้มมือปืนหรือพ่อค้ายาเสพติด เป็นภาพลักษณ์ที่เสียหายต่อรัฐบาลและประเทศอย่างยิ่ง ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากไม่เข้าใจและห่วงใย จึงอยากจะให้รัฐบาลทบทวนแนวทางและหาทางออกในการแก้ปัญหาร่วมกันกับวัดพระธรรมกายอย่างสันติวิธีด้วยความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน” นายก่อแก้วกล่าว