รักษาการเลขาฯ กกต. รอไม่ไหว คุยสายชี้แจงข้ามประเทศ คณะ กกต.อบรม กบส.ไปดูงาน “ญี่ปุ่น-เกาหลี” ไม่ได้ไปเที่ยว ย้ำเป็นการรองรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สองประเทศใช้งบไม่เกิน 5 ล้านบาท แจงรุ่นก่อนไม่ได้ไปนอก เพราะช่วงนั้นมีปัญหางบ รับไม่ได้แจ้งนายกฯก่อนไป
วันนี้ (2 มี.ค.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต. ในฐานะรักษาการเลขาธิการ กกต.ซึ่งเป็นประธานกลุ่มผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการบริหารงานสำหรับผู้บริหารระดับสูง (กบส.) รุ่นที่ 2 ของสำนักงาน กกต. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากประเทศเกาหลีใต้ ชี้แจงกรณีที่ กกต. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กกต.เดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ (ช่วงระหว่าง 28 ก.พ.ถึง 5 มี.ค.) ว่า การเดินทางทั้งคณะที่ไปเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เป็นการไปดูงานจริงๆ โดยคณะที่เดินทางญี่ปุ่นจะเน้นการดูงานเรื่องระบบการหาเสียง ที่ตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ได้มีการนำแบบอย่างของญี่ปุ่นมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกำหนดขนาดป้ายหาเสียง การจัดพื้นที่ปิดป้ายหาเสียง ส่วนคณะที่เดินทางไปเกาหลีใต้ จะเน้นเรื่องเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะการเดินทางไปดูงานที่ The Association of World Election Bodies.หรือ (A-Web) จะไปดูวิวัฒนาการของเครื่องลงคะแนน ที่ทาง A-Web ได้มีการรวบรวมเครื่องลงคะแนน เครื่องนับคะแนนจากทั่วโลกมารวมไว้ เพื่อไห้ได้ศึกษา ซึ่งจะสอดคล้องกับที่ กกต.ไทย ได้พัฒนาเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะนำไปใช้ในการเลือกตั้งในอนาคต
ขณะเดียวกันจะไปดูเรื่องการศึกษาเพื่อสร้างพลเมือง (Civic Education) โดยในเรื่องดังกล่าว ทางเกาหลีใต้ให้อยู่ในความรับผิดชอบของ กกต.เกาหลี แต่ของไทยยังไม่มีเจ้าภาพที่ชัดเจน และ สปท.มีแนวความคิดที่จะเสนอให้สถาบันพระปกเกล้าฯ เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่ง กกต.ไม่เห็นด้วย เพราะที่ผ่านมา กกต.ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวไปมาก โดยใช้ชื่อโครงการว่า พลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย และมีการขยายไปสู่ระดับตำบล เช่น ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยระดับตำบล หรือ ศส.ปชต. ดังนั้นเมื่อ กกต.กลับมาก็นำต้นแบบของเกาหลีมาพยายามผลักดันให้ กกต.ได้เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคณะที่ไปญี่ปุ่นและเกาหลี จะได้มีโอกาสหารือร่วมกับสถานทูตไทยใน 2 ประเทศ เรื่องการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เพราะตามร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.จะให้มีการนับคะแนนที่สถานทูต ซึ่งเจ้าหน้าที่สถานทูตจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งที่ยังไม่มีความชำนาญ ก็จะต้องหารือพูดคุยกัน
“ยืนยันว่าการไปครั้งนี้ไม่ได้เที่ยวเลย เป็นการไปดูงานที่เหนื่อยมาก แต่ก็ได้ประโยชน์เยอะ และใช้งบประมาณไม่มาก เราพยายามที่จะใช้งบประมาณอย่างประหยัด โดยทั้งสองคณะที่ไปญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ทุกคนเดินทางโดยนั่งเครื่องชั้นประหยัด และ กกต. ที่เดินทางไปก็ไม่ได้มีผู้ติดตามส่วนตัว แต่ใช้พนักงานที่ดูแลคณะคอยอำนวยความสะดวก ขนาดห้องพักยังเป็นห้องพักราคาเดียวกับที่ผู้เข้ารับการอบรมพัก ทั้งสองคณะที่เดินทางไปในครั้งนี้ใช้งบไม่เกิน 5 ล้านบาท และเมื่อกลับมาแล้วก็ต้องมีการทำรายงานเสนอต่อ กกต. การไปครั้งนี้จึงถือว่าไปแล้วคุ้มค่า”
เมื่อถามว่า ทำไมไม่ให้เจ้าหน้าที่ไปดูงาน โดยที่ กกต.ไม่ต้องไปด้วย และทำไมไปคณะใหญ่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ชี้แจงว่า ผู้ที่เข้าอบรมในรุ่นนี้จะขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงในอนาคต ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนในเรื่องเหล่านี้ ทางสำนักงานจึงเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องไปศึกษาเรียนรู้ และบางเรื่องก็เป็นเรื่องใหม่ เช่น ระบบการหาเสียง ส่วนที่ กกต.ต้องเดินทางไปด้วยเพราะว่าต้องมีการเข้าพบผู้นำองค์กร จึงถือเป็นการให้เกียรติกับหน่วยงานนั้น และคณะก็จะได้รับการต้อนรับที่ดี และการไปดูงานก็ไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ส่วนที่ กบส.รุ่นก่อนหน้านี้ไม่มีการเดินทางไปดูงานต่างประเทศ เท่าที่จำได้ รุ่นที่แล้วเหมือนเป็นช่วงที่สำนักงาน กกต.ประสบปัญหาเรื่องเงิน และเป็นช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองไม่ปกติ จึงได้งดการไปดูงานต่างประเทศ และเมือถามย้ำว่า ก่อนไปได้มีการรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบหรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีมีนโยบายไม่อยากให้เดินทางไปดูงานต่างประเทศ พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ไม่ได้มีการทำหนังสือแจ้ง เพราะท่านนายกรัฐมนตรีเคยพูดในการให้สัมภาษณ์ ว่า หากเป็นเรื่องจำเป็นก็สามารถทำได้ แต่ใช้งบด้วยความประหยัด ซึ่งเราก็ได้ทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 มี.ค. เมื่อคณะของนายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน และ นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง พร้อมคณะผู้เข้ารับการศึกษาอบรมหลักสูตร กบส.รุ่นที่ 2 ไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าพบ นายบรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูตและคณะ ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อศึกษาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เกี่ยวกับปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข การจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในประเทศญี่ปุ่นในอดีต เพื่อรองรับการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในอนาคต ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยได้มีการเผยแพร่รายละเอียดการศึกษาดูงานพร้อมภาพของคณะทางไลน์ของฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่ใช้ในการประสานกับสื่อมวลชน
ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า ก่อนเดินทางร่วมคณะไปประเทศเกาหลีใต้ นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ก็ได้เดินทางไปดูงานเลือกตั้งประธานาธิบดีเอกวาดอร์ ตามคำเชิญของ A-WEB ในช่วงวันที่ 16-22 ก.พ.ที่ผ่านมาด้วย