“อภิสิทธิ์” เตือนใช้ ม.44 อย่างระวัง ก่อนกลายเป็นวัฒนธรรมแก้ปัญหา ยามบ้านเมืองปกติ ชี้ใช้กฎหมายปกติได้จะได้วางรากฐานอนาคต รับเห็นใจคนทำงานอยากได้ความรวดเร็ว แต่ต้องคำนึงถึงวันข้างหน้า
วันนี้ (2 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการใช้มาตรา 44 ของ คสช.ว่า เป็นธรรมดาที่มาตรา 44 ดูเหมือนยาวิเศษ เพราะว่ามันเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จ ใช้แล้วก็ไม่สามารถที่จะโต้แย้งได้ แต่ตนไม่ค่อยอยากให้ใช้มากนัก ถึงแม้ว่าเราอาจจะไว้ใจคนที่ใช้อำนาจตัวนี้อยู่ แต่ว่าทุกคนก็มีผิดมีพลาดได้ เพราะการใช้อำนาจแบบนี้ พอโต้แย้งไม่ได้ ก็จะมีประเด็นปัญหาที่ตามมา อีกทั้งตนเห็นว่าเห็นว่า ถ้าเราสามารถที่จะทำให้กฎหมายปกติดีขึ้นได้ เราก็จะได้วางรากฐานสำหรับอนาคตด้วย เพราะวันข้างหน้ายังไงก็ไม่มีมาตรานี้ ขอยกตัวอย่างเช่น การจัดซื้อจัดจ้าง เรื่องรถไฟ เขาก็บอกว่าต้องมาใช้มาตรา 44 ตนก็เสียดายว่า เราอุตส่าห์ทำกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่ทั้งฉบับ ก็นึกว่าเป็นการปฏิรูป แต่ปรากฎว่าดูเหมือนมันต้องมีปัญหาแล้ว ที่ใช้กฎหมายนั้นไม่ได้ หรือรอใช้กฎหมายนั้นไม่ได้ ถึงต้องใช้วิธีนี้
“การใช้อำนาจพิเศษนี้ คือคนจะติด อยากได้อีกหากใช้อำนาจเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ก็มีความรู้สึกว่ามันง่ายดี เพราะมันโต้แย้งไม่ได้ ไปฟ้องศาลปกครองก็ไม่ได้ ดังนั้นก็อยากจะ เพียงแต่เตือนไว้เท่านั้น พอมันใช้มากๆ เข้า ระวังว่าถึงเวลาสุดท้ายบ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เครื่องมือเครื่องไม้และความเข้าใจของสังคมในการแก้ปัญหามันก็จะมาติดกับตัวนี้ ไม่นับว่าบางทีการใช้ก็เลยกลายเป็นเงื่อนไข อย่างกรณีธรรมกาย จะต้องมานั่งอธิบายกันตลอดเลยว่าทำไมต้องใช้ เพราะว่ากลายเป็นว่า สิ่งที่เขาคัดค้านตอนนี้ก็ชูเรื่องมาตรา 44 มาเป็นหลัก ทั้งที่ความจริงก็แปลกอยู่แล้วเพราะว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำไม่ใช่มีอะไรพิเศษเลยนอกจากบังคับใช้กฎหมาย หรือเราจะต้องไปยอมรับกันไปเรื่อยๆ ว่าต่อไปนี้แปลว่าเราบังคับใช้กฎหมายโดยใช้กฎหมายที่มีอยู่ไม่ได้ มันก็จะเป็นเรื่องแปลก ก็เห็นใจนะครับคนทำงานอยากได้ความรวดเร็วอะไรก็ว่าไป แต่ขอให้นึกถึงระบบ แล้วก็นึกถึงวันข้างหน้าด้วย จริงๆ รัฐบาลนี้ หรือนายกฯ หรือหัวหน้า คสช.ก็อยู่มาเกือบ 3 ปี เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่ว่ามันไม่มีเวลาในการทำอะไรต่างๆ หลายอย่าง แล้วก็ถ้าบอกว่าเหลือเวลาอีกประมาณสัก ปีกว่าๆ ไม่ลองมาพยายามคิดมาทำตรงนี้กันหรือ จะได้เตรียมสังคมเข้าสู่ความพร้อมที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติต่อไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว