xs
xsm
sm
md
lg

ลูกชาย “ระพี สาคริก” โต้กลับ “ไทยรัฐ” กล่าวหา “ทอดทิ้ง-จ้างคนเฝ้า” ย้ำแม่-ลูก ดูแลไม่ขาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ซุบซิบในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เจอดี ลูกชาย “ระพี สาคริก” นักวิชาการดัง โต้ถูกกล่าวหาจ้างคนเฝ้า ห้ามเยี่ยมเด็ดขาด ระบุ ทำครอบครัวเสียหาย ย้ำ ทั้งแม่และลูกเยี่ยมกันไม่ขาด แต่ที่จ้างคนเฝ้าเพราะหมอเป็นห่วงสุขภาพ อีกทั้งที่ติดป้ายงดเยี่ยมเพราะระวังการติดเชื้อ ระบุข่าวนี้ทำแม่ความดันขึ้น ลั่นเอาเรื่องถึงที่สุด

นายพีระพงศ์ สาคริก ลูกชาย นายระพี สาคริก นักวิชาการชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว หลังหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 27 ก.พ. คอลัมน์ โสมชบา จ๊ะจ๋า ตีพิมพ์ข้อความถึงอาการป่วยของนายระพี ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า อ้างว่า จ้างคนเฝ้าและห้ามทุกคนเข้าเยี่ยมเด็ดขาด และอ้างถึงลูกศิษย์รายหนึ่ง กล่าวถึงสภาพร่างกาย ว่า เศร้าและว้าเหว่ อีกทั้งผอมจนแขนเหลือเกือบเท่าหลอดนีออน ว่า

“เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) หนังสือพิมพ์ที่มียอดขายอันดับหนึ่งของประเทศ ไทยรัฐ ในหน้า 20 คอลัมน์ โสมชบา จ๊ะจ๋า ได้ลงข่าวที่สร้างความเสื่อมเสียให้ผมและพี่น้อง โดยเนื้อข่าวที่ไม่ตรงตามความจริง เมื่อปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว ได้มีผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ได้ติดต่อเข้ามาขอสัมภาษณ์ผม เขาถามว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปนั้นข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร ผมถามเขากลับไปว่า หนังสือพิมพ์คุณลงข่าวที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริงไปก่อนแล้ว ทำให้ครอบครัวเขาเสียหาย แล้วค่อยมาถามหาความจริง มันเป็นการกระทำที่ถูกต้องเหรอ เขาพยายามจะสัมภาษณ์ผมต่อ ผมไม่มั่นใจว่า คำพูดผมจะถูกไปนำเสนอแบบไม่ตรงต่อความจริงอีกหรือไม่ ผมจึงตอบกลับไปว่า ผมกำลังจะโนติสไปยังบรรณาธิการบริหาร และ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ให้แก้ไขข่าวให้ถูกต้องตรงความจริง และจะร้องไปยังสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ถึงการกระทำของผู้เขียน

ผมขอเรียนว่า ในเบื้องต้นไม่คิดจะเปิดเผยอาการเจ็บป่วยของคุณพ่อ เพราะคาดหวังว่าการรักษาจะสามารถทำให้ท่านกลับมาเป็นปกติได้เร็ว เนื่องจากท่านเป็นบุคคลที่มีคนรู้จักมักคุ้นอย่างมากมาย ย่อมอาจทำให้มีผู้เข้าเยี่ยมมาก และเป็นอุปสรรคต่อการรักษา และระวังการติดเชื้อง่ายในผู้สูงอายุได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงอาทิตย์แรก ก็ปรากฏผู้ที่รู้ข่าวได้เข้าเยี่ยม สิ่งที่ปรากฏขึ้น ก็คือ มีผู้ที่เข้าไปเยี่ยมในห้อง ICU ได้นำที่โกนหนวดเข้าไปโกนหนวดให้คุณพ่อ ซึ่งขณะนั้นคณะแพทย์ได้อยู่ระหว่างการรักษาการติดเชื้อที่ปอด จึงทำให้ลูกๆ ตัดสินใจที่ขอให้โรงพยาบาลติดป้ายงดเยี่ยม

ตลอดระยะเวลาการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 59 ถึงปัจจุบัน ไม่มีวันใดเลยที่พ่อจะขาดการเฝ้าดูแลจากลูก ในช่วงระยะเวลา 40 วันแรกนั้น น้องสาวของผม คือ คุณมาลีกันยา ได้เฝ้าอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับพยาบาลพิเศษอีก 2 คน จนกระทั่งเราได้รับคำชี้แจงจากคุณหมอ ว่า อาการของคุณพ่อจะยังคงทรงตัวอยู่เช่นนี้ และคุณหมอก็เป็นห่วงสุขภาพของลูกๆ ที่บางคนใช้เวลาดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เราจึงจัดหาผู้ดูแลคุณพ่อตลอด 24 ชั่วโมง 2 คน โดยทุกวันจะมีลูกอย่างน้อยหนึ่งคนอยู่ดูแลระหว่างวัน แม้กระทั่งคุณแม่อายุ 91 ปี ก็ยังแวะเวียนไปเยี่ยม และก่อนที่สื่อจะลงข่าวที่ไม่จริงเพียงหนึ่งวัน คุณแม่ก็ยังไปเยี่ยมคุณพ่ออยู่ วันรุ่งขึ้นเมื่อคุณแม่ทราบข่าวที่สื่อลง และก่อให้เกิดความเสียหายต่อครอบครัวที่ท่านร่วมปลูกฝังความผูกพันในครอบครัวร่วมกันมาตลอดชีวิต ทำให้ท่านเสียใจและความดันขึ้นสูงจนต้องเพิ่มยาให้อีก

มีคนที่รู้จักมักคุ้นได้ไลน์เข้ามาแสดงความเห็นใจกับครอบครัวเราอย่างมาก ... เขาบอกว่าคุณพ่อป่วยก็คงทุกข์ใจมากอยู่แล้ว กลับต้องมาเจอสื่อแบบนี้อีก

หลังจากขอให้สื่อแก้ไขข่าวในคอลัมน์ที่ลงแล้ว ก็จะขอดูความรับผิดชอบของสื่อมวลชนต่อไป

ผมและพี่น้อง ไม่มีอะไรที่จะไปชี้แจงคนทั่วๆ ไป ที่อ่านข่าวหนังสือพิมพ์นับล้านๆ คนได้อย่างทั่วถึงแน่ และอาจได้รับการดูถูกเกลียดชังจากผู้คนที่ไม่รู้จักมักคุ้น ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว คุณพ่อ คุณแม่ ได้พยายามสร้างครอบครัว สาคริก นี้ให้เป็นแบบอย่างของสังคมไทยก็ตาม ที่พอจะทำได้ก็คงเพียงสื่อความผ่านเพื่อนๆ ญาติสนิท มิตรสหาย และผู้ที่รักความเป็นธรรม จะได้ช่วยกันแชร์เรื่องนี้ ให้ปรากฏต่อสังคมอย่างกว้างขวางเท่านั้นครับ

พีระพงศ์ สาคริก”


กำลังโหลดความคิดเห็น