โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่รู้ภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เผย นายกฯ ยันไม่มีกฎหมายไหนแรงไปกว่า ม.44 แล้ว ต้องอยู่ที่คนยอมรับกฎหมายนั้นด้วย อย่าคิดว่าแก้ได้ทุกอย่าง เชื่อพวกปล่อยข่าวหวังเรียกคนสมทบธรรมกาย ระบุ ไม่มีจับพระ จับแต่คนผิด กม.
วันนี้ (28 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวตามที่สังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ว่า รัฐบาลมีแนวคิดจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว และที่ประชุม ครม. วันนี้ ก็ไม่ได้พูดถึงด้วย
เมื่อถามว่า อาจจะยังอยู่ในขั้นตอนศึกษาของกรมสรรพสามิตหรือไม่ พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า “ไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อเช้าฟังข่าวผ่านทางวิทยุ ยังนึกว่ามันออกมาเป็นกฎกติกาแล้ว ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย”
พล.ท.สรรเสริญ เปิดเผยด้วยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวถึงการใช้ ม.44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย ว่า ขณะนี้มีการออกความเห็นจากหลายส่วนว่าฝ่ายไหนจะชนะหรือแพ้ หรือบ้างก็ว่า ม.44 ไม่ขลัง ซึ่งตัวนายกฯเองอยากให้ประชาชนได้รับรู้ว่าไม่มีกฎหมายไหนแรงไปกว่านี้ และไม่มีกฎหมายไหนที่จะแก้ทุกอย่างสมบูรณ์ เรื่องนี้จะต้องอยู่ที่การยินยอมรับกฎหมายของตัวบุคคล เพื่อให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ ต้องตระหนักว่า ม.44 จะอยู่แค่กับรัฐบาลชุดนี้ และ คสช. เท่านั้น ถ้าทุกคนเอาแต่คิดว่ากฎหมายไหนไม่ถูกก็จะต่อต้าน สังคมก็ไม่สงบสุข อย่าคิดว่า ม.44 จะแก้ได้ทุกอย่าง แต่อยู่ที่วิธีปฏิบัติตัวของคนต่างหากที่จะช่วยกันแก้ปัญหานี้ เมื่อพบคนทำผิดเราก็ต้องช่วยกันกดดัน ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ทุกคนก็เดือดร้อน
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นายกฯยังได้กล่าวถึงกระแสข่าวลือในโลกออนไลน์ ว่า รัฐบาลเตรียมออกกฎหมาย พ.ร.บ. อิสลาม รวมถึงการตัดสิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือมีการส่งข้อความระบุว่า มีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สายศาสนา เผยวงในว่า จะมีการแก้ไขกฎหมายสงฆ์ เช่น จะบัญญัติให้บวชแล้วสึกไม่ได้ เป็นต้น โดยนายกฯ ได้ระบุชัดว่า ทางรัฐบาลไม่เคยมีแนวคิดแบบนี้ เรื่องเหล่านี้ไม่เป็นความจริง ดังนั้น จึงอยากให้สื่อมวลชนนำเสนอความจริง เพราะอาจจะเป็นกลวิธีหาแนวร่วมเรียกม็อบให้มาเข้าที่วัดเยอะๆ ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานลำบากมากขึ้นก็ได้ ตนขอยืนยันว่าไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น
เมื่อถามว่า มีการประเมินความสำเร็จการใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาหรือไม่ พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกฯ ไม่ประสงค์จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 อย่างพร่ำเพรื่อ ใช้เฉพาะอำนวยความสะดวกในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น เพราะยิ่งใช้มาก หากไม่สำเร็จก็จะดูไม่ดี นายกฯ จึงอยากให้ใช้กฎหมายตามปกติให้ได้ก่อนถึงค่อยใช้ ม.44 ส่วนการรับมือกับสงครามโซเชียลมีเดียนั้น ความจริงจะทำให้ทุกสิ่งจบลงได้ แม้จะมีข้อมูลสงครามข่าวสาร ซึ่งสังคมทราบอยู่แล้ว อย่างกรณีของวัดพระธรรมกาย ซึ่งไม่มีใครจะเข้าไปจับกุมผู้สวดมนต์ หรือต้องการให้พระสงฆ์อดอาหาร แต่เราต้องการเข้าไปเพื่อจับกุมผู้ที่ทำผิดกฎหมาย