“สมเด็จพระสังฆราช” ประทานโอวาทแก่ปลัดกลาโหม-ผบ.เหล่าทัพ ยึดพรหมวิหาร 4 ให้มีอุเบกขา หากเมตตา-มุทิตาแล้วยังไม่รู้สำนึก พร้อมให้จดจำธรรมภาษิต “สัพเพส สัมภูตานี สามัคคีวุฒิสาธิกา” ยึดมั่นสามัคคีพาประเทศรอด ยกอดีตเสียแผ่นดินเตือนใจ กษัตริย์ไทยสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียว รอดปากเหยี่ยวปากกา
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่วัดราชบพิธ สถิตมหาสีมาราม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม นำสมาชิกสภากลาโหม ประกอบด้วย ผบ.เหล่าทัพ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เข้าถวายสักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาน สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เพื่อความเป็นสิริมงคล ในโอกาสที่พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาน สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้ประทานพระโอวาทแก่คณะ ตอนหนึ่งว่า “ขอขอบคุณท่านผู้อาวุโสและท่านที่มาชุมนุมที่นี่ทุกท่าน ตามที่ท่านปลัดกระทรวงกลาโหมได้นำผู้บัญชาการเหล่าทัพมาแสดงและถวายมุทิตาจิตแก่อาตมาภาพ ซึ่งอาตมภาพขออนุโมทนาสาธุในมุทิตาจิตของทุกท่าน ทั้งนี้ มุทิตาก็เป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว ที่บอกว่ายินดีด้วย ในสิ่งที่เขามีความสุข อย่างที่ท่านทั้งหลายได้กระทำกันมาแล้วเป็นพุทธวัจนะ ของคำสอนของพระพุทธเจ้าตามพรหมวิหาร 4 ประการ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นสิ่งที่พระองค์ท่านแสดงไว้ให้เราพิจารณา ซึ่งอุเบกขาที่เป็นข้อสุดท้าย ก็สำคัญเช่นกัน เมตตาก็แล้ว มุทิตาก็แล้ว ยังไม่รู้สำนึกอีก ก็ต้องอุเบกขา ว่ากันไม่ได้ การมาแสดงมุทิตาในวันนี้เป็นการแสดงความปีติยินดีแก่อาตมา
ธรรมภาษิตที่สำคัญอีก คือ “สัพเพส สัมภูตานี สามัคคีวุฒิสาธิกา” แปลว่า ความพร้อมเพียงแด่ชนผู้อยู่ร่วมกัน และคนที่ทำการทำงานเป็นหมู่ ยังความเจริญรุ่งเรืองมาให้เกิดสำเร็จ ธรรมภาษิตนี้อยู่ในพระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ ๕ และที่ประตูพระอุโบสถก็เขียนไว้ เป็นการตั้งใจในการทำร่วมกัน จะทำให้เกิดผลสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ อาตมานึกย้อนกลับไปสมัยก่อน เราก็ถูกบีบคั้นไม่ใช่น้อย เราเสียแผ่นดินในสมัยนั้นก็ไม่ใช่น้อย ธรรมถาษิตอันนี้ก็พอเหมาะพอเจาะกันพอดีในการรวมกันเป็นปึกแผ่น เป็นเหล่าเป็นหมู่และครองตนเองจนอยู่จนวันนี้จนพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ อาตมามาเห็นตรงนี้ คิดว่าดีนะที่เราทำกันได้ ตามที่รัชกาลที่ ๕ มีพระราชประสงค์ และทรงพัฒนาประเทศจนมาเป็นทุกวันนี้ ถ้าเราไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็จะไม่มาถึงทุกวันนี้ จึงขอให้เรารักษาธรรมาภาษิตนี้ไว้ สืบค่อไปถึงรุ่นน้องๆ รุ่นหลัง ขอให้จำๆไว้บางก็ดี อาตมาเคยถามนักเรียนชั้น ม.8 ก็ยังไม่รู้จักธรรมภาษิตนี้เลย สมัยก่อนเมื่อศึกษา ม.6, ม.7 ก็จะรู้ เพราะมีการศึกษาภาษาไทย โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน อาตมาจำได้ตั้งแต่ ป.4 จึงขอให้ทุกท่านนึกถึงธรรมภาษิตนี้ไว้ ซึ่งไม่ยากอะไรเลย จำได้ง่ายๆ” สมเด็จพระสังฆราช ประทานโอวาท