xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว : ม.44 ตัดตอน"บิ๊กบางคน" สวาปามขุมทรัพย์ร.ฟ.ท.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



ดาบอาญาสิทธิ์ มาตรา 44 ยังทรงพลานุภาพ ... เปิดศักราชใหม่มาแค่ 2 เดือน “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เซ็นออกมาแล้วนับ 10 ฉบับ ล้วนแล้วแต่เป็น“ของหนัก”ทั้งนั้น ทั้งกรณีพื้นที่ควบคุมพิเศษ“ธรรมกาย”หรือล่าสุดฟาดเปรี้ยงไปที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) รื้อในส่วนของคณะกรรมการ (บอร์ด) เล็กน้อย ตั้งมาใหม่โดยมีหน้าเดิมๆ อยู่ 4 คน เป้าสำคัญของคำสั่งนี้คือ การเด้งดึ๋ง“เดอะแจ๊ค”วุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการฯ มากกว่า โดยให้ อานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ที่เป็นบอร์ดร.ฟ.ท.อยู่ด้วย มารักษาการแทน

น่าสนใจว่า “ผู้ว่าฯแจ๊ค”ที่สร้างชื่อมาจากบขส. ก็โดดมาบริหารร.ฟ.ท. เมื่อช่วงต้นปี 58 ในสมัยคสช.นี้เอง และว่ากันว่า"เดอะแจ๊ค"นับว่าเป็น"สายตรง"ของ"บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ด้วยซ้ำ จู่ๆ มาโดนสอยด้วย ม.44 จึงค่อนข้างน่าสนใจว่าไปทำอะไร“คอขาดบาดตาย”ขนาดนั้น และเท่าที่ฟังๆมา ก็เป็นเรื่อง“ผลประโยชน์”มากกว่าจะเป็นเรื่องการบริหารทำร.ฟ.ท.ขาดทุน เพราะอย่างที่รู้ ร.ฟ.ท.เจ๊งมาต่อเนื่อง และก็ไม่มีทีท่าจะโงหัวขึ้น สมัยที่ 2 รัฐมนตรี คสช. อย่าง ออมสิน ชีวะพฤกษ์ เป็นประธานบอร์ด หรือ พิชิต อัคราทิพย์ ที่เคยเป็นบอร์ดอยู่ ก็เจ๊งแบบเสมอต้นเสมอปลาย

ตั้งแต่ คสช.เข้ามา ดูเหมือน “นายกฯตู่”จะค่อนข้างให้ความสำคัญกับร.ฟ.ท.เป็นพิเศษ โดยหวังใช้ “ระบบราง”ในการขับเคลื่อนประเทศ แค่ปี 59-60 ก็เทงบลงทุนรวมเกือบ 2 ล้านล้านบาท เลยทีเดียว แต่จนแล้วจนรอดก็ดูจะไม่คืบหน้า แล้วยังมีเรื่อง“ผลประโยชน์”มาทำให้ยิ่งชุลมุนวุ่นวาย ทั้งเรื่องการประมูลรถไฟทางคู่ หรือหัวรถจักร ที่มี “เงินทอน”ไปถึงผู้มีอำนาจ ระยะหลังเห็นว่ามีกรณี“เงินทอนหล่น”ต้นทาง-ปลายทาง แจ้งยอดไม่ตรงกัน ทำเอา“บิ๊กบางคน”ของขึ้น-ควันออกหู จัดการดีดทิ้งทั้งที่เป็น“เด็กในบ้าน”แท้ๆ

ตลอดจนเรื่องผลประโยชน์“ที่ดินการรถไฟ”อย่างน้อย 3 แปลงใหญ่ มักกะสัน บางซื่อ แล้วก็ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเดิมเป็นคลังน้ำมัน ก็มีความพยายามจาก“บิ๊กคนเดิม”ผลักดัน ร.ฟ.ท.ปล่อยเช่า 99 ปี แต่“บอร์ดเดิม”ไม่เล่นด้วย ... เรื่องพรรค์นี้ “นายกฯตู่”ก็มีหูมีตา ติดตามใกล้ชิด จะเป็นเหตุผลหลักในการออกคำสั่ง ม.44 เพื่อตัดตอน“บิ๊กบางคน”ที่จ้องแต่จะสวาปามการรถไฟฯ จนงานไม่เดิน

โดนไม้แข็ง-ไม้นวมต่อเนื่อง แทนที่จะอ่อนแรง กลับขับภาพความเป็นรัฐอิสระของ“ธรรมกาย”ให้เด่นชัดขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะการมี“กองกำลัง”ของตัวเองทั้ง“สงฆ์ห่มเหลือง-ฆราวาสห่มขาว”ที่ไม่หวาดหวั่นการกดดันของเจ้าหน้าที่รัฐแม้แต่น้อย แต่ที่ควรปรับปรุงด่วนก็น่าจะเป็นเรื่องโฆษก-คนออกหน้าของฝ่ายธรรมกายจะดูไร้ความน่าเชื่อถือ-จับโกหกได้ง่าย ตั้งแต่ "องอาจ ธรรมนิทา" ที่ตอนนี้เฟดตัวไปอยู่หลังฉากแล้ว "พระสนิทวงศ์" ผอ.สำนักสื่อสารฯ ที่พูดจาหมิ่นเหม่จะผิดศีลข้อที่ 4 อยู่เรื่อย วันก่อนคง“ขันแตก”สวมบท “เกรียนคีย์บอร์ด”โพสต์เฟซด่า คสช.ว่า“ควาย สม ชื่อ”ซะอย่างงั้น ยังไม่รวม อัยย์ เพชรทอง ที่ขยันเสนอหน้ามาในช่วงหลังๆ ก็ออกแนวสร้างความเฮฮา มากกว่าจะน่าเชื่อถือ

ไม่ได้แปลกใจกับคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 12/2560 ที่ใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ปลด "พนม ศรศิลป์" พ้นจากผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เพราะเคยใช้พื้นที่ตรงนี้เหลาแล้วว่า พฤติกรรมที่ผ่านมาของ“ผอ.พนม”หนักไปในทาง“องครักษ์พิทักษ์ธรรมกาย”ตลอดจนการสกัดกั้นระบบปกครองทางสงฆ์ของ มหาเถรสมาคม (มส.) ที่จะมีต่อกรณีธัมมชโย-ธรรมกาย ทุกวิถีทาง เหตุเพราะ“พนม”เป็นเลขาธิการมส. อยู่อีกตำแหน่งด้วย ดันเรื่องเข้า-ชักเรื่องออก ที่ประชุมมส. เป็นประจำ แล้ว“ฟางเส้นสุดท้าย”ก็คงไปทำตัวเป็น “ไอ้เข้ขวางคลอง”ไม่ดำเนินการตามคำร้องขอของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เจ้าภาพปฏิบัติการล่าหัว“ธัมมชโย”หลายเรื่อง โดยเฉพาะที่ออกหน้ามาการันตีว่า พระธรรมกายที่มี 1,250 รูป มีใบสุทธิถูกต้อง ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มตรวจสอบเลย

ยังไงก็แล้วแต่ การปลด “พนม” แล้วโยก “คนดีเอสไอ”อย่าง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้บัญชาการสํานักคดีภาษีอากร มาคุม พศ. มันก็ดูจะเกินไปหน่อย เพราะเท่าที่ทราบ“พงศ์พร”ประวัติการทำงานไม่ได้มีอะไรเฉียดใกล้การรับผิดชอบงานในสำนักพุทธฯ แม้แต่น้อย ตั้งแต่จบนักเรียนนายร้อยอบรม รุ่นที่ 15 ก็เป็นอาจารย์สอนนักเรียนนายร้อยตำรวจ ก่อนมาทำงานที่ดีเอสไอ คุมสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษ จนมาถึงปัจจุบันกับตำแหน่ง ผบ.สำนักคดีภาษีอากร ... ผิดฝาผิดตัวขนาดนี้ คนดีๆ ในสำนักพุทธฯ จะคิดยังไง.

ช.ชฎา
กำลังโหลดความคิดเห็น