xs
xsm
sm
md
lg

“ลูกบรรหาร” รับชีวิตเปลี่ยนหลังพ่อเสีย ยันพร้อมลงเลือกตั้ง แต่แนะรัฐแก้เหลื่อมล้ำให้เสร็จก่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“สุทธิชัย หยุ่น” เฟซบุ๊กไลฟ์ “วราวุธ ศิลปอาชา” ในวันที่พ่อไม่อยู่ รับชีวิตเปลี่ยน งานเพิ่ม เผยแบ่งภาระกับ “กัญจนา” แล้ว เผยยังดูแลชาวสุพรรณ แต่หัวหน้าชาติไทยพัฒนาต้องมีบารมี พรรคไม่ใช่มรดกทางการเมือง พร้อมสืบสานปณิธาน ลั่นไม่ยอมให้ใครบอกว่าเจ๊งสมัยลูก ยันลง ส.ส. แน่ ไม่เล่นบทวันแมนโชว์ บอกเคยถามพ่อว่างนักหรือไปเลือกถังขยะเอง แต่วันนี้เข้าใจ แนะรัฐแก้ความเหลื่อมล้ำให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง ไม่อยากให้ชาติมีปฏิวัติอีก

วานนี้ (24 ก.พ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีต ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา และบุตรชาย นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์สดกับนายสุทธิชัย หยุ่น อดีตผู้บริหารสื่อในเครือเนชั่น ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก Suthichai Yoon ถึงชีวิตส่วนตัวหลังนายบรรหาร เสียชีวิต โดยกล่าวว่า ตั้งแต่บิดาของตนเสียชีวิตนั้น ชีวิตก็เปลี่ยนไป งานก็มากขึ้น ตนกับ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา อดีต ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา พี่สาว ก็แบ่งภาระกัน ในส่วนของบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ นั้น น.ส.กัญจนา เป็นผู้ดูแล ส่วนตนดูแลศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อุทยานมังกรสวรรค์ ในส่วนที่เป็นเขตเลือกตั้ง อ.เมือง ก็ไปมาหาสู่เป็นปกติ โดยตนนั่งที่สนามกีฬากลาง จ.สุพรรณ ที่ตั้งสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี เอฟซี

เมื่อถามถึงการเสียชีวิตของนายบรรหาร ที่มีการระบุว่า หากไปถึงโรงพยาบาลเร็วกว่านั้นอาจไม่เสียชีวิต นายวราวุธ กล่าวว่า ตรงๆ คือ คืนนั้นครอบครัวเราไม่อยากฟื้นฝอยหาความหลัง แต่มันพูดได้หลายอย่าง หากรถพยาบาลมาทันจะยังอยู่ไหม แต่ดวงของเราเมื่อถึงเวลาต้องไป ถ้ารถมาทันก็อาจเกิดอุบัติเหตุอื่นได้ เช่น ยางแตก ที่บิดาของตนจากไปเราไม่ถือโทษโกรธใคร ถือเป็นบุญกุศลที่ทำมา ได้เวลาที่ต้องไป

เมื่อถามถึงการรับช่วงทางการเมืองต่อจากนายบรรหาร นายวราวุธ กล่าวว่า เรารับภาระในการดูแลการทำงานให้คนสุพรรณบุรี ให้พรรคชาติไทยพัฒนา แต่ไม่ได้แปลว่าตนจะเป็นหัวหน้าพรรค เป็นหัวเรือ คนที่เป็นได้ต้องเป็นคนที่มีบารมี เป็นคนที่มีศักยภาพ นามสกุลศิลปอาชา ไม่ได้รับมรดกตกทอดทางการเมืองจากนายบรรหาร แต่ต้องไปสร้างเอาเอง ไม่ใช่มรดก ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง วันนี้ตนก็ขอความรู้ขอเทคนิคการทำงานจากผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน เช่น นายประภัตร โพธสุธน นายจองชัย เที่ยงธรรม นายนิกร จำนง และ นายสมศักดิ์ ปริศนานันกุล คนเหล่านี้ตนก็ได้ไปขอคารวะ เพราะต้องไปขอความรู้ การทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนา และขอให้ผู้ใหญ่เป็นหางเสือในการเดินไปของพรรคข้างหน้า ในฐานะที่เป็นทายาทของนายบรรหาร ตนมีปณิธานว่า จะสืบสานการทำงานของบิดา เหมือนที่นายบรรหาร ได้อุทิศชีวิตให้คนสุพรรณ ไม่ยอมให้ใครมาบอกว่าบิดาทำมาแล้วมาเจ๊งสมัยลูก

เมื่อถามว่า จากนี้ไปเมื่อรอจังหวะการเมืองปกติก็จะลงสมัครอีกครั้งใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า แน่นอนเราปิดเทอมมา 8 - 9 ปี เรารอว่าโรงเรียนจะเปิดเทอมเมื่อไหร่ เราก็รอไปเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชน ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ ตนเคยถามตัวเองสมัยเด็กๆ ว่า ทำไมคนที่ชื่อ บรรหาร ไม่เคยสอนวิชาให้เลย เช่น การบริหาร การดูงบประมาณ นายบรรหาร บอกว่า ไม่ต้องห่วงถึงเวลาพ่อเตรียมอุปกรณ์ให้ทำงานการเมืองไว้หมดแล้ว วันนั้นตนไม่ต้องการปลาแต่ต้องการเครื่องมือหาปลา แต่พอถึงวันที่ 23 เม.ย. ที่นายบรรหาร จากไปคำถามมันหายไป

“สิ่งที่พ่อทิ้งไว้ หากเป็นเครื่องมือหาปลามันล้าสมัยไปหมดแล้ว เรื่องงบประมาณ ระบบบริหารราชการแผ่นดินเปลี่ยนแปลงไป สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันใช้ไม่ได้ อุปกรณ์หาปลามันใช้ไม่ได้อีกแล้ว สิ่งที่พ่อสั่งสมให้ผมในการทำงานคือความกล้า เหมือนเพลงของบอดี้สแลม คือ เรือเล็กต้องออกจากฝั่ง เป็นมรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้ ภายภาคหน้าจะดูแลคนสุพรรณอย่างที่พ่อทำมากน้อยแค่ไหนไม่ทราบ แต่ก็สู้กันตายไปข้างหนึ่ง” นายวราวุธ กล่าว

เมื่อถามถึงสไตล์การบริหารของนายบรรหารที่ถูกเรียกว่าหลงจู๊ นายวราวุธ กล่าวว่า การเป็นหลงจู๊ได้ ในประเทศไทยมีไม่กี่คน ท่านต้องมีความสามารถขยันหมั่นเพียร ตนความเก่งกาจไม่เท่านายบรรหาร ถ้าเป็นหลงจู๊คงหลงทางเสียก่อน การเดินไปในการเมืองข้างหน้า โชคดีที่เราทำฟุตบอลมาตลอด เราต้องทำเป็นทีม สไตล์วันแมนโชว์ จากนี้เราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เพราะบุคลากรอย่างบิดาของตนอีกนานกว่าจะมีมา การที่จะมีมือรองของนายบรรหาร ก็ต้องไปทำโคลนนิ่งนายบรรหาร มาอีกหนึ่งคนซึ่งไม่มีทาง การรับไม้ต่อจากนายบรรหาร ต้องมีอีกสิบคนในการทำงาน นี่จึงสาเหตุที่นายบรรหาร ไม่ได้วางใครไว้คนใดคนหนึ่ง เพราะรู้ว่าไม่มีใครรับดาวน์โหลดจากท่าน 100% ได้

เมื่อถามต่อว่า นายบรรหาร มีการทำงานในลักษณะล้วงลูก ทุกรายละเอียด นายวราวุธ กล่าวว่า ตอนนี้ตนยังทำไม่ได้ อย่างเมื่อก่อนไปดูที่ศาลหลักเมืองนายบรรหาร ไปเลือกถังขยะเอง ไปดูว่าวางตรงไหน ตนก็ถามว่าว่างมากหรือ ถึงไปดูถังขยะเอง แต่วันนี้ตนมาดูแลเอง ตนก็นั่งรถไปดูถังขยะ เพราะเรารู้ว่าซื้อแล้วไม่ได้ดั่งใจ ควรจะวางตรงไหน การทำงานให้เสร็จหรือสำเร็จถ้าต้องการเสร็จใช้คนอื่นก็ได้ แต่ถ้าทำให้สำเร็จก็ต้องล้วงลูก

เมื่อถามถึงแนวคิดการปรองดอง และการเข้าหารือเรื่องการปรองดองกับคณะอนุกรรมการ ที่กระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา นายวราวุธ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เราก็ได้ไปอธิบายชี้แจงแนวทาง ซึ่งในแต่ละพรรคก็จะมีแนวทางแต่ละพรรคต่างกันไป ตอนที่เราออกมาจากการชี้แจง เราเห็นตรงกันว่าแนวทางสร้างความสามัคคีเราบอกกับทหารไปหมดแล้ว พรรคตนก็พูดแนวทางของพรรค พรรคอื่นพูดแนวของพรรคอื่น คนก็จะสับสน ท้ายที่สุดก็จะไม่ปรองดองกัน ตนขอชี้แจงว่า เราขอให้อนุกรรมการไปสังเคราะห์และตอบออกมาเป็นประเด็นทีเดียว จะได้ไม่ขัดแย้งกัน

“ที่เราพูดเราอยากให้มีการแก้ปัญหาความขัดแย้งความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้จบเสียก่อน ไม่อยากเร่งให้มีการเลือกตั้ง ถ้ามีแต่อีก 3 ปีแล้วปฏิวัติแล้วเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ใหม่ จะทำอย่างไร” นายวราวุธ กล่าว

เมื่อถามว่า ไม่ต้องรีบร้อนเลือกตั้งให้ทำให้เสร็จเสียก่อนเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดเรื่องวุ่นใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า เราเป็นนักการเมือง เราอยากให้ประเทศกลับเข้าสู่ประชาธิปไตย โดยเร็วที่สุดแต่การรีบร้อนข้ามขั้นและกลับมาอยู่ตรงนี้ใหม่มันไม่เกิดประโยชน์ ไม่มีใครอยากให้เลือกตั้งแล้วผ่านไป 6 เดือนปฏิวัติกันใหม่ ต้องทำอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้นอีก ตนเคยดูหนังเมื่อเร็วๆ นี้ ที่กล่าวถึง นายเนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้ ที่บอกว่า ประเทศแอฟริกาใต้ ต้องถูกสร้างขึ้นมา จะเป็นก้อนอิฐสีอะไรก็แล้วแต่เราต้องใช้อิฐทุกก้อนสร้างประเทศของเรา

เมื่อถามว่า หลังการเลือกตั้งต้องรวมพรรคไหมเพื่อความอยู่รอด นายวราวุธ กล่าวว่า สังคมจะเป็นคนตัดสิน และจะมีหลายอย่างช่วยเราตัดสิน แต่ตนยังนึกไม่ออกว่าวันนี้ถ้าเลือกตั้งจะเป็นกลไกแบบใด กฎหมายก็ยังไม่ออก และเมื่อถามว่า กลัวเรื่องฐานเสียง ความศรัทธาเดิม จะไม่สำเร็จเหมือนสมัยบิดาหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ถ้าตนยอม โยนผ้าขาวก่อนระฆังดังไม่ใช่วราวุธแน่นอน ตนขอตายคาสนามรบ แต่การยอมแพ้ก่อนไม่มี


กำลังโหลดความคิดเห็น