“อังคณา” มองรัฐบาลกดดันไม่ให้นำอาหารและน้ำดื่มเข้าวัดพระธรรมกาย ละเมิดสิทธิ ทำภาพลักษณ์ประเทศดูไม่ดี แนะกำหนดจุดส่งอาหารค้นไม่ให้มีสิ่งผิดกฎหมายเข้าไปแทน สงสัยการข่าวดีเอสไอมีปัญหาหรือไม่ ถึงได้ยืดเยื้อแบบนี้
วันนี้ (24 ก.พ.) นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวกรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ผสานกำลังทหารปฏิบัติการปิดล้อมห้ามไม่ให้นำอาหารและน้ำดื่มเข้าภายในพื้นที่วัดพระธรรมกาย ว่ากรณีวัดพระธรรมกายต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1. ประเด็นเรื่องความมั่นคง และ 2. ประเด็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ ทางความเชื่อความศรัทธา และการเข้าถึงอาหารและน้ำดื่มของประชาชน การที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้มาตรการกดดันตัดน้ำตัดไฟ ไม่ให้นำอาหารและน้ำดื่มเข้าพื้นที่ภายในวัดนั้นถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะประชาชนเหล่านี้มีความคิดความเชื่อความศรัทธาเป็นของตนเอง ถึงแม้รัฐจะกดดันไม่ให้นำอาหารและน้ำดื่มเข้าไปในพื้นที่วัด ประชาชนเหล่านี้ที่มีความศรัทธาก็คงไม่ออกมาจากวัด แต่คงจะอดอาหารแทน เพราะเขาเหล่านี้มีความเชื่อความศรัทธาในสิ่งที่เขาเลือกแล้ว
“การกดดันโดยใช้มาตรการเช่นนี้มีแต่จะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐเสียหาย ภาพลักษณ์ของประเทศดูไม่ดี เจ้าหน้าที่รัฐต้องใช้วิธีที่ไม่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นห่วงเรื่องความมั่นคง หรือเกรงว่าการรถอาหารหรือน้ำดื่มเข้าพื้นที่วัดอาจจะการลักลอบนำสิ่งที่ผิดกฎหมายเข้าไปในพื้นที่ภายในวัด เจ้าหน้าที่รัฐต้องกำหนดจุดทางเข้าของการส่งอาหารและน้ำดื่ม และทำการตรวจค้นให้แน่ใจว่าไม่มีการลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้าไป ก็อนุญาตให้รถอาหารและนำดื่มเข้าไปภายในวัดได้ เพื่อเป็นการไม่ละเมิดสิทธิของประชาชนด้วย”
ทั้งนี้ กรรมการสิทธิฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา แม้ขณะช่วงเวลาที่เกิดเหตุชุลมุนเจ้าหน้าที่ของเราก็ยังอยู่ในพื้นที่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม นางอังคณาตั้งข้อสังเกตว่า การข่าวของดีเอสไอหรือเจ้าหน้าที่รัฐมีปัญหาหรือไม่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่ากรณีของวัดพระธรรมกายนั้นดีเอสไอหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องการคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่ขณะนี้ยังดีเอสไอหรือทหารเองก็ยังไม่ทราบว่าพระธัมมชโยอยู่ในพื้นที่วัดจริงหรือไม่ ถ้าการข่าวทราบมาว่าอยู่จริง เจ้าหน้าที่จะบุกเข้าพื้นที่วัดก็สามารถทำได้ บนพื้นฐานของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ และเหตุการณ์ก็จะไม่ยืดเยื้อ เจ้าหน้าที่รัฐก็จะไม่ตกเป็นจำเลยของสังคมว่าไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนอีกด้วย แต่ขณะนี้ก็ไม่รู้ว่าการข่าวของดีเอสไอหรือเจ้าหน้าที่รัฐรู้แล้วหรือยัง