รองอธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รับทำหนังสือเวียนขอร่วมบริจาคช่วยค่าทนาย 4 เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่า จากการปฏิบัติหน้าที่ เหตุอัยการเป็นโจทก์จึงไม่ได้รับสิทธิตามระเบียบคลัง เผยอธิบดีฯ เตรียมชงแก้ พ.ร.บ.อุทยานฯ ให้เอาเงินรายได้มาช่วย ชี้เป็นวัฒนธรรมองค์กร คนนอกอาจไม่เข้าใจ
วันนี้ (21 ก.พ.) ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายเฉลิมชัย ปาปะทา รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำหนังสือเวียนแจ้งหน่วยงานในสังกัดขอความร่วมมือบริจาคเงินช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ 4 นายผู้ถูกฟ้องคดีอาญาเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมว่า เรื่องนี้กรมอุทยานฯ มิได้เพิกเฉย หรือปล่อยปละละเลยไม่ช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาในทางคดีดังกล่าว โดยเรื่องเกิดขึ้นในช่วงปี 2554 ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติในขณะนั้นได้ใช้ตำแหน่งและหลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราวพนักงานราชการทั้ง 4 นาย และยังคงปฏิบัติหน้าที่ในปัจจุบัน ส่วนการดำเนินคดีในขั้นต้นได้มอบหมายให้นิติกรประจำกรมฯ เป็นผู้ประสานงานและแนะนำข้อกฎหมายมาโดยตลอด
รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ต่อมาอัยการได้สั่งฟ้องเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าซึ่งเป็นพนักงานราชการจำนวน 4 นาย ฐานร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น และศาลจังหวัดลำปางประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2559 เมื่อพนักงานอัยการเป็นผู้สั่งฟ้องตามระเบียบกระทรวงการคลัง 2528 ว่าด้วยเรื่องช่วยเหลือราชการ หรือลูกจ้างของทางราชการมีข้อจำกัดว่าถ้าเป็นการพิจารณาในชั้นศาลจะได้รับสิทธิความช่วยเหลือเฉพาะคดีที่มิใช่พนักงานอัยการเป็นโจทก์เท่านั้น จึงไม่สามารถช่วยเหลือแก้ต่างคดีอาญาให้แก่พนักงานราชการทั้ง 4 นายได้ จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อจ้างทนายแก้ต่างคดีกันเองจำนวน 2 แสนบาท ไม่นับรวมการชดเชยสินไหมทดแทนที่อยู่ในระหว่างการเจรจาให้ได้ข้อยุติ
รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนการนำเงินรายได้อุทยานแห่งชาติมาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในคดีนี้นั้นไม่สามารถกระทำได้ แต่จากปัญหาดังกล่าว นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้หยิบยกเรื่องนี้เสนอให้ปรับปรุง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ โดยหาแนวทางแก้ระเบียบฯ เพื่อให้สามารถนำรายได้ส่วนหนึ่งของกรมอุทยานแห่งชาติฯ มาดูแลเจ้าหน้าที่ผู้ตั้งใจปฏิบัติงานแล้ว นอกจากนั้นข้าราชการทุกฝ่ายรวมทั้งนายธัญญา ก็ได้ลงขันบริจาคช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นายไปแล้วด้วย
“การช่วยเหลือกันในแบบนี้หากสังคมภายนอกไม่เข้าใจอาจจะดูแปลกๆ แต่ที่นี่ถือเป็นธรรมเนียม และวัฒนธรรมขององค์กรที่สืบทอดกันมานานแล้ว เป็นการหลอมรวมช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะบางคดีก็ต้องอยู่ในกฎระเบียบ ใช่เพียงข้าราชการของกรมอุทยานแห่งชาติฯ เท่านั้น แต่เป็นระเบียบปฏิบัติของข้าราชการทุกหน่วยหากต้องคดีในลักษณะนี้” นายเฉลิมชัยกล่าว
วันนี้ (21 ก.พ.) ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายเฉลิมชัย ปาปะทา รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำหนังสือเวียนแจ้งหน่วยงานในสังกัดขอความร่วมมือบริจาคเงินช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ 4 นายผู้ถูกฟ้องคดีอาญาเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมว่า เรื่องนี้กรมอุทยานฯ มิได้เพิกเฉย หรือปล่อยปละละเลยไม่ช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาในทางคดีดังกล่าว โดยเรื่องเกิดขึ้นในช่วงปี 2554 ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติในขณะนั้นได้ใช้ตำแหน่งและหลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราวพนักงานราชการทั้ง 4 นาย และยังคงปฏิบัติหน้าที่ในปัจจุบัน ส่วนการดำเนินคดีในขั้นต้นได้มอบหมายให้นิติกรประจำกรมฯ เป็นผู้ประสานงานและแนะนำข้อกฎหมายมาโดยตลอด
รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ต่อมาอัยการได้สั่งฟ้องเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าซึ่งเป็นพนักงานราชการจำนวน 4 นาย ฐานร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น และศาลจังหวัดลำปางประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2559 เมื่อพนักงานอัยการเป็นผู้สั่งฟ้องตามระเบียบกระทรวงการคลัง 2528 ว่าด้วยเรื่องช่วยเหลือราชการ หรือลูกจ้างของทางราชการมีข้อจำกัดว่าถ้าเป็นการพิจารณาในชั้นศาลจะได้รับสิทธิความช่วยเหลือเฉพาะคดีที่มิใช่พนักงานอัยการเป็นโจทก์เท่านั้น จึงไม่สามารถช่วยเหลือแก้ต่างคดีอาญาให้แก่พนักงานราชการทั้ง 4 นายได้ จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อจ้างทนายแก้ต่างคดีกันเองจำนวน 2 แสนบาท ไม่นับรวมการชดเชยสินไหมทดแทนที่อยู่ในระหว่างการเจรจาให้ได้ข้อยุติ
รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนการนำเงินรายได้อุทยานแห่งชาติมาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในคดีนี้นั้นไม่สามารถกระทำได้ แต่จากปัญหาดังกล่าว นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้หยิบยกเรื่องนี้เสนอให้ปรับปรุง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ โดยหาแนวทางแก้ระเบียบฯ เพื่อให้สามารถนำรายได้ส่วนหนึ่งของกรมอุทยานแห่งชาติฯ มาดูแลเจ้าหน้าที่ผู้ตั้งใจปฏิบัติงานแล้ว นอกจากนั้นข้าราชการทุกฝ่ายรวมทั้งนายธัญญา ก็ได้ลงขันบริจาคช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นายไปแล้วด้วย
“การช่วยเหลือกันในแบบนี้หากสังคมภายนอกไม่เข้าใจอาจจะดูแปลกๆ แต่ที่นี่ถือเป็นธรรมเนียม และวัฒนธรรมขององค์กรที่สืบทอดกันมานานแล้ว เป็นการหลอมรวมช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะบางคดีก็ต้องอยู่ในกฎระเบียบ ใช่เพียงข้าราชการของกรมอุทยานแห่งชาติฯ เท่านั้น แต่เป็นระเบียบปฏิบัติของข้าราชการทุกหน่วยหากต้องคดีในลักษณะนี้” นายเฉลิมชัยกล่าว