กฤษฎีกาชี้ช่อง “หน่วยราชการ” ทวงคืนเงินประจำตำแหน่งจาก ขรก.ที่ถูกคำสั่ง ม.44 ของหัวหน้า คสช.สั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ ยกเคส ก.พลังงาน มีสิทธิทั้งฟ้องและทวงคืนเงินประจำตำแหน่งและเงินค่าตอบแทนประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ
วันนี้ (21 ก.พ.) มีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า เมื่อเร็วๆ นี้เว็บไซต์คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เผยแพร่ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. 2560 เรื่องเสร็จที่ 108/2560 เรื่องการเรียกคืนเงินประจำตำแหน่งและเงินค่าตอบแทนประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งได้รับไปโดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 13 พิจารณาตามข้อหารือของกระทรวงพลังงาน (หน่วยงานที่ขอความเห็น) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความเห็นให้เรียกคืนเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการกระทรวงพลังงาน ซึ่งถูกมาตรา 44 ให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากไม่มีสิทธิรับเงินประจำตำแหน่งสำหรับเงินค่าตอบแทนประจำตำแหน่ง ตามข้อ 5 แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2547 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2553 กำหนดให้ผู้มีสิทธิได้เงินค่าตอบแทนประจำตำแหน่งต้องเป็นเงินผู้รับเงินประจำตำแหน่ง
กรณีดังกล่าวจึงเป็นการได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ จึงจำเป็นต้องเรียกคืนเงินประจำตำแหน่งทั้งหมดละเงินค่าตอบแทนประจำตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ประกอบกับไม่มีกฎหมายใดกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเรียกเงินคืนประจำตำแหน่งและเงินค่าตอบแทนประจำตำแหน่งไว้เป็นการเฉพาะ อีกทั้งคำสั่ง หัวหน้า คสช.ให้ข้าราชการผู้นี้ไปปฏิบัติราชการนั้น ไม่ใช่คำสั่งทางปกครองซึ่งเป็นการให้เงิน หรือให้ทรัพย์สินหรือให้ประโยชน์ที่อาจแบ่งแยกได้ ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
“กระทรวงพลังงานผู้เสียหาย จึงควรทำหนังสือไปทวงถามเงินดังกล่าวจากข้าราชการผู้นี้ หากถูกปฏิเสธก็ชอบที่จะขอให้พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมเพื่อเรียกร้องเงินดังกล่าว”
มีรายงานว่า สำหรับข้อหารือจากกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2558 เรื่องแต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งอื่น ลงวันที่ 25 มิ.ย. 2558 ให้ข้าราชการในสังกัดกระทรวงพลังงาน ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านยุทธศาสตร์พลังงาน สำนักปลัดกระทรวงพลังงาน ระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว และปฏิบัติราชการในตำแหน่งประจำสำนักงานปลัดกระทรวงที่สังกัดโดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมและให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมอบหมาย
ต่อมาปลัดกระทรวงพลังงานในขณะนั้น ได้มีคำสั่งให้ข้าราชการคนดังกล่าว ระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราวเพื่อให้ไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมอบหมาย ตามคำสั่งกระทรวงพลังงาน ที่ 26 /2558 เรื่องมอบหมายให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ราชการลงวันที่ 23 ก.ค. 2558 อย่างไรก็ตาม ตามหนังสือ สำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1.12.2/297 ลงวันที่ 27 พ.ย. 2558 ซักซ้อมการดำเนินตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19/2558 โดยในส่วนของสิทธิประโยชน์การได้รับเงินประจำตำแหน่งนั้น สรุปความได้ว่า ก.พ.เคยวางแนวการปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้า คสช. เกี่ยวกับการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้มีรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตราช่วยคราว ลงวันที่ 15 พ.ค. 2558 ว่า
“ผู้ที่ถูกสั่งให้ระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราวและไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งประจำงานสำนักปลัดกระทรวงในกระทรวงที่สังกัดโดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมและให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมอบหมาย เป็นผู้ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์การได้รับเงินประจำตำแหน่ง ตามกฎ ก.พ.ว่าด้วยการให้ราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2551”
ขณะที่ สำนักงาน ก.พ.มีหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน สรุปได้ว่า ไม่ปรากฏว่าลักษณะงานของข้าราชการคนดังกล่าว ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมอบหมาย มีลักษณะเป็นงานวิชาชีพหรืองานเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเหมือนหน้าที่หลักของตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉาะด้านยุทธศาสตร์พลังงาน ที่ข้าราชการผู้นี้ดำรงอยู่เดิม ดังนั้นข้าราชการผู้นี้จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้รับเงินประจำตำแหน่งตามกฎ ก.พ.ดังกล่าว ส่วนที่กระทรวงพลังงานเบิกเงินประจำตำแหน่งไปแล้ว เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย “วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง”
มีรายงานว่า กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการเบิกจ่ายเงินประจำตำแหน่งให้บุคคลดังกล่าว ในช่วงระหว่างวันที่ 25 มิ.ย. 2558 - ส.ค. 2559 (15 เดือน) ต่อมาปลัดกระทรวงพลังงานได้ลงนามระงับการเบิกจ่ายเป็นการชั่วคราวแล้ว