“ประยุทธ์” หงุดหงิดหลังถูกจี้คำถามเรื่อง “ธรรมกาย-โรงไฟฟ้าถ่านหิน” บอกถ้าไม่เชื่อมั่นให้รอ รบ.หน้า ระบุทูลเกล้าฯ ถวายรัฐธรรมนูญแล้ว ชี้สิ่งสำคัญอยู่ที่การปฏิบัติตาม กม.ลูก ส่วนการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ป.ย.ป.อยู่ระหว่างดำเนินการ มีการหารือบ้างแล้ว เตรียมออก ม.44 ควบคุมการลงทุนที่มีมูลค่าสูงป้องกันการทุจริต
วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ได้นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้วตามกำหนดเวลา สำหรับประเด็นในการแก้ไขก็เป็นไปตามที่ได้ให้ข่าวไปแล้ว และขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นเรื่องการโปรดเกล้าฯ พระราชทานลงมา ทั้งนี้ กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักของประเทศ แต่สิ่งที่ทุกคนจะต้องเผชิญคือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูก สิ่งสำคัญที่สุดคือการปฏิบัติ กฎหมายเป็นการเขียนไว้กว้างๆ เท่านั้น และสิ่งที่มีการแก้ไขไปครั้งนี้ก็เป็นไปตามพระราชปรารภ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความคืบหน้าการลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานและติดต่อเข้ามา โดยเกือบครบแล้ว ระหว่างนี้ก็มีการเชิญมาพูดคุยหารือกันตลอด ไม่เห็นจำเป็นต้องรอว่าเมื่อไหร่จะแต่งตั้ง คำถามแบบนี้ไม่ต้องมาถามรัฐบาลนี้
“วิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการชุมนุมคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ หรือเรื่องของวัดพระธรรมกาย จะกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่นั้น ขอถามว่าพวกคุณเชื่อผมหรือไม่ หรือคุณไม่เชื่อผม ถ้าคุณไม่เชื่อผมก็ไปเชื่อรัฐบาลหน้า ผมก็ทำได้แค่นี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงผลการประชุม คสช.เช้าวันเดียวกันนี้ว่า มีการหารือ 2 เรื่อง คือ การสอบคัดเลือกขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้เกิดความเป็นธรรม อีกเรื่องคือการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยริมคลองลาดพร้าว การสร้างที่พักให้คนที่อยู่ริมคลองที่มีความทรุดโทรม สร้างแฟลต หรืออพาร์ตเมนต์ให้ มีรัฐบาลไหนทำบ้าง แก้ปัญหาริมคลองได้หรือไม่ น้ำเน่าเสีย ทำให้อย่างนี้แล้วยังบ่นอีกว่ากันทุกเรื่องไป
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวว่า เตรียมจะออกคำสั่งมาตรา 44 ในการเข้ามาควบคุมการลงทุนที่มีมูลค่าสูง เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริต และให้สินบนใต้โต๊ะ เช่นเดียวกันกับข้อกังวลของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติสรรพสามิตฉบับใหม่ ที่มีการกำหนดพิกัดภาษีสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ต่างกัน โดยสุรากำหนดพิกัดภาษีอยู่ที่ 1 พันบาท ต่ำกว่าพิกัดภาษีเครื่องดื่มจำพวกไวน์ หรือเบียร์ ซึ่งอยู่ที่ 3,000 บาท หรือ 3 เท่าตัว อาจจะกระทบต่อราคาสินค้า เหล้าราคาเท่าเบียร์ เป็นต้น ซึ่งขัดกับข้อเสนอของทีดีอาร์ไอ ที่ระบุว่า ทั่วโลกเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามปริมาณดีกรี จนเป็นช่องว่าง เจ้าหน้าที่รัฐอาจจะไปเรียกรับผลประโยชน์จากส่วนต่างที่เกิดขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า ในเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการให้เกิดความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังชี้แจงในประเด็นนี้อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีอารมณ์หงุดหงิดตลอดเวลาในการให้สัมภาษณ์ 30 กว่านาที โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย และความคืบหน้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดกระบี่ โดยบางช่วงได้พูดแขวะการทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โดยกล่าวว่า “แสดงว่าไม่ได้เรื่อง โฆษกรัฐบาล ผมพูดเองดีกว่าแบบนี้ ชี้แจงอะไรไม่ได้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง”