กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะ ชุมพร ยื่นหนังสือ กสม.สอบทหาร-จนท.รัฐ ข่มขู่ หลังต้านรื้อโครงการสร้างเขื่อนท่าแซะ ด้าน “เตือนใจ” ชี้ละเมิดสิทธิเสรีภาพการมีส่วนร่วมตัดสินใจในโครงการพัฒนาของชุมชน รวมถึงสิทธิการเดินทาง
วันนี้ (21 ก.พ.) กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะ จ.ชุมพร ประมาณ 40 คน นำโดยนางวัชรี จันทร์ช่วง ผู้ประสานงานกลุ่มฯ เข้ายื่นหนังสือต่อนางเตือนใจ ดีเทศน์ และนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชน ขอให้ตรวจสอบการสนับสนุนโครงการเขื่อนท่าแซะ จังหวัดชุมพร และการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนตำบลสองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ. ชุมพร โดยนางวัชรีกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2551 คณะรัฐมนตรีมีมติชะลอโครงการก่อสร้างเขื่อนท่าแซะซึ่งชาวบ้านก็ไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมเพราะมีโครงการแก้มลิงหนองใหญ่ และคลองระบายน้ำหัววัง-พนังตัก แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมากลับมีกระแสข่าวว่าจะมีการเดินหน้าสร้างเขื่อนอีกทำให้ชาวบ้านเริ่มออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน และวันที่ 9 ม.ค.มีทหารไปที่บ้านของแกนนำชาวบ้านคนหนึ่งพร้อมกับพูดในทำนองข่มขู่ว่าอย่าพาชาวบ้านออกมาคัดค้าน จากนั้นวันที่ 9 ก.พ.ก็มีการจัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด กรมชลประทาน กรมป่าไม้ ผู้นำท้องถิ่น และนายทหารจากมณฑลทหารบกที่ 44 ในค่ายเขตอุดมศักดิ์เพื่อที่จะผลักดันการสร้างเขื่อนท่าแซะ และให้ผู้นำท้องถิ่นและกรมชลประทานเข้าสำรวจพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบ โดยไม่ได้ถามชาวบ้านว่าต้องการเขื่อนหรือไม่
ต่อมาวันที่ 19 ก.พ. ทหารจากมณฑลทหารราบที่ 44 ค่ายเขตอุดมศักดิ์ อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 นำกำลังทหารพร้อมอาวุธจำนวน 20 นาย เดินทางไปในพื้นที่เพื่อเชิญตัวแกนนำกลุ่มผู้คัดค้านจำนวน 15 รายไปคุยที่ค่ายเขตอุดมศักดิ์ แต่ชาวบ้านเห็นว่าถ้าจะพูดคุยกันควรเป็นการคุยกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด ชาวบ้านกว่า 200 คนจึงเดินทางไปค่ายเขตอุดมศักดิ์ในวันที่ 20 ก.พ. เมื่อพูดคุยกันแล้วชาวบ้านได้แสดงเจตนาว่าจะเดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการสร้างเขื่อนต่อรัฐบาล และยื่นหนังสือต่อกรรมการสิทธิฯ กรณีถูกข่มขู่ และละเมิดสิทธิจากเจ้าหน้าที่ แต่ช่วงค่ำระหว่างจะเดินทางก็กลับถูกทหารสกัดกั้น จนชาวบ้านต้องใช้วิธีแยกย้ายกันเดินทางทางในเส้นทางอื่นเพื่อมายื่นหนังสือต่อ 2 หน่วยงานในเช้าวันนี้
ด้านนางเตือนใจ ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการมีส่วนร่วมตัดสินใจในโครงการพัฒนาของชุมชน และเป็นการละเมิดเสรีภาพในการเดินทาง ส่วนกรณีการคัดค้านเขื่อนท่าแซะนั้น ชาวบ้านได้เคยยื่นเรื่องร้องเรียนมายัง กสม.แล้วตั้งแต่เดือน ก.พ. 2559 และ กสม.เคยประชุมร่วมกับผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่รวมทั้งกรมชลประทาน โดยมีมติร่วมกันเมื่อเดือน ก.ค. 2559 คือ 1. ตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์การบริหารจัดการลุ่มน้ำชุมพรโดยประชาชนมีส่วนร่วม 2. ให้กรมชลประทานชะลอโครงการเขื่อนท่าแซะก่อน และ 3. ให้หน่วยงานระดับจังหวัดและกรมชลประทานร่วมกันแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม พบว่าขณะนี้ยังมีความพยายามเดินหน้าการสร้างเขื่อนซึ่งขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2551 ที่ให้ชะลอโครงการดังกล่าวเอาไว้ก่อนด้วย กสม.จึงจะรับเรื่องไว้พิจารณาเพิ่มเติม ทั้งนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนเพื่อเสนอความเห็นต่อรัฐบาลต่อไป
ทั้งนี้ โครงการเขื่อนท่าแซะ เป็นโครงการสร้างเขื่อนความจุประมาณ 157 ล้าน ลบ.ม. บนพื้นที่น้ำท่วม 6,800 ไร่ โดยจะทำให้เกิดน้ำท่วมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประมาณ 1,600 ไร่ และส่งผลกระทบต่อที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของชาวบ้านตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพรประมาณ 500 ครัวเรือน โดยที่ผ่านมาชาวบ้านเสนอให้ดำเนินการบริหารจัดการน้ำในรูปแบบของฝายชุมชน-ฝายมีชีวิตตามลุ่มน้ำสาขาขนาดเล็กแทน