xs
xsm
sm
md
lg

รบ.ย้ำบังคับใช้ กม.ธรรมกายเร่งให้สะเด็ดน้ำ ลั่นต้องไม่มีลัทธิตัวอย่างอยู่เหนือ กม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
โฆษก รบ.เผย “ประยุทธ์” ย้ำใช้มาตรการทางกฎหมายต่อธรรมกายให้สะเด็ดน้ำโดยเร็ว พร้อมหลีกเลี่ยงการปะทะ “ไก่อู” ลั่นต้องไม่มีลัทธิตัวอย่างอยู่เหนือกฎหมาย ขอความร่วมมือสื่ออย่าเสนอข่าวกลุ่มต่อต้าน หวั่นได้ความเท็จ ถูกตกเป็นเครื่องมือ

วันนี้ (20 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีเหตุการณ์วัดพระธรรมกายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ติดตามตลอด ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานได้ทำอย่างชัดเจน ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจ ส่วนทหารเข้าไปสนับสนุนอยู่วงนอก โดยเฉพาะการช่วยดูแลประชาชนที่ประสงค์จะออกจากวัดพระธรรมกาย และช่วยจัดการจราจรไม่ให้ติดขัด

“หลักการสำคัญในเรื่องนี้ คือ การบังคับใช้กฎหมายต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นจุดที่เรียกว่าเป็นลัทธิตัวอย่างที่กฎหมายไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ เราจะยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ ทุกพื้นที่ต้องสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ และที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ก็ระมัดระวังอย่างยิ่งในการปฏิบัติการ เพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหว นายกฯ ยังพูดในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์วันนี้ว่าหลายคนบอกว่าเข้าใจแล้วว่าประเด็นวัดพระธรรมกายเกิดจากอะไร แต่อยากให้บังคับใช้กฎหมายให้เสร็จสิ้น สะเด็ดน้ำโดยเร็ว แต่พอเจ้าหน้าที่เริ่มปฏิบัติคนเดิมก็มาบอกว่าต้องระมัดระวัง เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว อย่าให้กระทบกระทั่งกัน เพราะฉะนั้น หากจะฟังคำพูดแล้วเหมือนเข้าใจ แต่ในทางปฏิบัติมันค่อนข้างลำบาก” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า ขอประชาชนอย่าเป็นห่วงเรื่องนี้ นายกฯ กำชับอยู่แล้ว ทั้งตำรวจ ดีเอสไอ ให้มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติหรือบังคับใช้กฎหมาย ขณะเดียวกันต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการปะทะ ที่สำคัญประชาชนต้องเข้าใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่วัดพระธรรมกาย เจ้าหน้าที่ไปกลั่นแกล้งหรือเปล่า หรือเจ้าหน้าที่พยายามทำตามกฎหมายกันแน่ แต่กลับถูกขัดขวาง จึงต้องมีมาตรา 44 ออกมา และถึงแม้จะมีมาตรา 44 ออกมาเจ้าหน้าที่ก็ยังระมัดระวังไม่ให้มีการปะทะ

พล.ท.สรรเสริญกล่าวด้วยว่า อยากขอร้องสื่อมวลชนซึ่งถือเป็นต้นทางของข่าวสาร ช่วยทำให้สังคมเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และอย่าตกเป็นแนวร่วมมุมกลับของผู้ที่ทำผิดกฎหมายจนเข้าทางคนกลุ่มนี้ เช่น เอาไมโครโฟนไปสอบถามกลุ่มที่ต่อต้าน ซึ่งกลุ่มนี้เขาพยายามเล่าเรื่องที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงว่าถูกทำร้ายจากเจ้าหน้าที่โดยที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องของศาสนาเลย ที่ผ่านมาไม่มีใครบอกว่าพระธัมมชโยถูกหรือผิด เพียงแต่อยากให้ท่านเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเมื่อวานก็มีการทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนเป็นกรณีไป ซึ่งหลายคนก็เข้าใจแล้ว

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวจะบานปลายหรือไม่ เพราะมีข่าวว่าวัดพระธรรมกายเรียกคนเข้ามาเพิ่ม พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า แล้วสื่อคิดว่าสังคมเข้าใจหรือไม่ว่าที่เขาเชิญชวนประชาชนหรือพระเข้ามาที่วัดเพื่ออะไร เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาหรือไม่ เห็นได้ชัดเจนว่ามันไม่เกี่ยว ดังนั้นใครจะมาสวดมนต์หรือทำอะไรก็แล้วแต่ แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำหน้าที่ของเขา อยากให้ประชาชนได้พิจารณาดูว่าควรหรือไม่ควรที่จะเข้ามา อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เราไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าด้วยการใช้กำลัง เพราะแค่มีคนได้รับบาดเจ็บหัวแตกก็ดูเป็นภาพที่ไม่ดีแล้ว เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่จะระมัดระวังอย่างที่สุด เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้มีความชัดเจนหรือไม่ว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดหรือละแวกใกล้เคียง โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ต้องถามเจ้าหน้าที่ดีเอสไอหรือตำรวจ เพราะเขาคงจะมีข้อมูลอยู่ และคิดว่าไม่น่าจะเกินขีดความสามารถและศักยภาพของเจ้าหน้าที่
กำลังโหลดความคิดเห็น