“บิ๊กอาร์ต” เดินหน้าทหารชุดผ้าพันคอสีฟ้าช่วย ปชช.ทุกมิติ แจกเบอร์มือถือให้ผู้เห็นต่างต่อสายตรง ถ้าคิดกลับใจช่วยประเทศ ลั่นไม่ได้มาปราบปรามใคร เผยโอไอซีชมไทยแก้ปัญหา จชต.ถูกทาง ชี้ ศก.ใต้เฟื่องฟูหลังสถานการณ์ความรุนแรงเบาลง ชงไอเดียขยายรันเวย์สนามบินบ่อทอง หวังพัฒนาเป็นศูนย์กลาง จชต.ดึงความเจริญ
วันนี้ (19 ก.พ.) พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงการทำงานของทหารชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน (ชป.กร.) ว่า ทหาร ชป.กร.หรือทหารชุดผ้าพันคอสีฟ้า คือชุดปฏิบัติการที่ช่วยเหลือประชาชนทุกมิติ และทุกเรื่อง พร้อมให้คำปรึกษาว่าประชาชนต้องการอะไร ถ้าคนที่มีผ้าพันคอสีฟ้าแล้วทำไม่ดีนั้นไม่ใช่ทหารแน่นอน ทั้งนี้ตนบอกให้ผู้ใต้บังคับบัญชาว่าผู้เห็นต่างอยู่ที่ไหนก็ตาม หากต้องการช่วยพัฒนาชาติไทย ขอให้โทรศัพท์มาหาตนที่หมายเลขโทรศัพท์ 09-2532-4989 ตนพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถไปได้ทุกพื้นที่ เพราะถือเป็นผู้กล้าหาญที่กล้าเผชิญกับความจริงที่ทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เราจะใช้กฎหมายหลักมาพูดคุยกันได้ตามกระบวนการยุติธรรม ตนจะเน้นการพัฒนาเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมตามนโยบายรัฐ เช่น สนามบินบ่อทอง เพื่อขยายรันเวย์เพิ่มเที่ยวบินพาณิชย์ หมู่บ้านเบตงเพาะกบภูเขา เรามาช่วยเหลือและป้องกันประชาชนไม่ให้ถูกรังแก เราจะไม่แย่งมวลชนกับใคร เรานำงานมาให้ลูกหลานเพื่อความมั่นคงยั่งยืน ตนเข้าใจว่าประชาชนต้องการอะไร หากเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตจะไม่มีการย้าย แต่จะปลดทันทีทั้งทหารและตำรวจ
พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้มาปราบปรามใคร แต่มาเพื่อป้องกัน เอาอาชีพมาให้ชาวบ้านได้มีงานทำ ส่วนคนที่อยู่บนภูเขาและยังมีความเห็นต่าง ถ้าเห็นว่าสิ่งที่เจ้าหน้ารัฐทำเป็นสิ่งที่ดีขอให้มาช่วยกันทำ หากคิดว่าไม่ดีก็อยู่บนภูเขาต่อไป ส่วนบางคนที่มีคดีติดตัวนั้นยืนยันว่าเราจะใช้กฎหมายนำ ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดแล้วมาสู้กันในชั้นศาล ถ้าไม่ผิดก็ได้ออกมาทำงาน แต่หากผิดก็อาจจะแค่ภาคทัณฑ์และมาพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน ขอให้ลงมาข้างล่าง เพราะลูกเมียอยู่ข้างล่าง พวกที่ยังหลบๆ ซ่อนๆ เราก็อย่าไปเชื่อเขา
“ผมมาทำงานเพื่อเอางาน ไม่ได้มาทำงานเพื่อเอาเงิน หรือเอาหน้า เพราะฉะนั้นทุกอย่างทุกอย่างจะเดินหน้าไปตลอด ไม่มีเลี้ยวซ้ายหรือขวา ส่วนคนที่ทำงานเอาเงินและทำงานเอาหน้า ถ้าผมเห็นก็อยู่กับผมไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นทุกอย่างตรงตลอด ไม่มีหยุด ผมไม่ขอเปรียบเทียบการทำงานของพี่ๆ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ผ่านมา แต่ในสิ่งที่ผมทำ เพราะคิดว่าอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มานานพอสมควร ตั้งแต่ยศร้อยตรี ผมเข้าใจโดยเฉพาะเรื่องการพัฒนา เข้าใจว่าชาวบ้านต้องการอะไร เจ้าหน้าที่รัฐทำอะไรให้ชาวบ้านเกลียด เมื่อเข้าถึงก็รู้ว่าชาวบ้านอยากทำอะไร มีอาชีพ มีรายได้ เงินทองไม่พอใช้ เราพยายามหาอาชีพหารายได้ให้เขา ต้องให้ดีขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะ 14 จังหวัดภาคใต้ต้องดีเหมือนกันหมด จับทุกบ่อนทุกที่ทั้งหมดที่ผิดกฎหมาย” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าวถึงกรณีที่ตัวแทนองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือโอไอซี ลงมาติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ทางโอไอซีบอกว่าไม่สนับสนุนความรุนแรง และเห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลเดินหน้าการแก้ไขปัญหามาถูกทางแล้วคือให้ประชาชนมีรายได้และอาชีพ มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ และเกิดความสงบสุขขึ้น ทั้งนี้ ทางโอไอซีลงพื้นที่ก็เป็นไปตามปกติจากเดิมเคยส่งตัวแทนมา 15 คน แต่ในครั้งนี้เดินทางมา 4 คนซึ่งเป็นตัวแทนจากประเทศอินโดนีเซีย บาห์เรน อุซเบกิสถาน และปากีสถาน คือมาดูพื้นที่ก็กลับไป ในส่วนของตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะปัจจุบันประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อของใช้สอยมากมาย รวมทั้งไปสถานบันเทิงต่างๆ และร้านอาหาร ทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟูทุกอย่าง ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกอย่างเริ่มดีขึ้น และสถานการณ์ความรุนแรงเบาลง
พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการขยายรันเวย์สนามบินบ่อทอง จ.ปัตตานี ว่าตนได้เสนอพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ว่าถ้าทำสนามบินตรงนี้ขึ้นมาจะเป็นจุดศูนย์กลางได้ มีเครื่องบินพาณิชย์ลง สามารถเดินทางไป จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส รวมถึงเปิดเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งเราได้ดูไว้แล้ว โดยจะขยายรันเวย์ออกไปประมาณ 300-400 เมตร ทั้งนี้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีปัญหา อีกทั้งเราก็ไปขอกับผู้นำศาสนาแล้วซึ่งก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน สามารถย้ายมัสยิดได้โดยมีการศึกษาเบื้องต้นและเตรียมพื้นที่ไว้แล้ว และชาวบ้านเองก็มีพื้นที่รองรับ ซึ่งมีการประเมินงบประมาณว่าทางรัฐต้องชดเชยให้ชาวบ้านและมัสยิดทั้งหมดประมาณ 330 ล้านบาท เมื่อสนามบินบ่อทองสร้างเสร็จ ความเจริญก็จะเข้ามา ตนเชื่อว่าเมื่อความเจริญเข้ามา ความยุติธรรม ความจริงใจและความถูกต้อง ทุกอย่างจะนำมาซึ่งความสงบสุข อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการทำประชาพิจารณ์จากชาวบ้านก็ยังคงมีความจำเป็นต้องทำเมื่อถึงเวลา ซึ่งในตอนนี้เป็นเพียงนโยบาย และตนได้นำเรียนผู้บังคับบัญชา หากตกลงก็จะเป็นขั้นตอนของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีจะสั่งการลงมาข้างล่างอีกครั้ง
เมื่อถามว่าจะเริ่มดำเนินการได้เมื่อไหร่ พล.ท.ปิยวัฒน์กล่าวว่า ตนกำหนดไม่ได้ แต่ในส่วนของตนได้ทำแผนดำเนินการเสร็จหมดแล้วซึ่งจะต้องนำส่วนนี้ไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชา ถ้าผู้บังคับบัญชาเห็นว่าดีก็อาจจะเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลและทำประชาพิจารณ์ต่อไป คาดว่าปี 2563 จะแล้วเสร็จ ส่วนท่าอากาศยานเบตงตอนนี้เริ่มดำเนินการสร้างแล้วและคาดว่าจะเสร็จได้ในปี 2562