อดีต รมว.คลังแฉกลุ่มไทยทั้ง ปตท.-กฟผ.รวมทั้ง “ทักษิณ” ก็มีข่าวไล่ซื้อหุ้นเหมือง ฝันหวานราคาถ่านหินจะขึ้นสูง แต่ไม่เป็นดังคาด เมื่อจีนเปลี่ยนโมเดลการผลิต ถูก “ทรัมป์” กีดกันการค้า ซ้ำถูกจำกัดด้วยโลกร้อน อนาคตธุรกิจเหมืองไม่สดใส จึงต้องผลักดันสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศเป็นหลักประกันว่าจะขายถ่านหินได้ในอนาคตอีก 30 ปี
วันนี้ (19 ก.พ.) เมื่อเวลา 01.55 น. ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ Thirachai Phuvanatnaranubala ของนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความในประเด็นบริบทด้านธุรกิจของโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ จ.กระบี่ และ อ.เทพา จ.สงขลา ว่า ต้องดูย้อนหลังว่ายักษ์ใหญ่คนไทยเข้าไปยุ่งกับธุรกิจนี้เมื่อใด ปตท.ซื้อเหมืองปี 2555 ข่าวนายทักษิณ ชินวัตร เจรจาซื้อเหมือง ปี 2556 กฟผ.ซื้อเหมือง ปี 2559
“ภาพแรก แสดงราคาถ่านหินตั้งแต่ปี ค.ศ.1970 (พ.ศ. 2513) จะเห็นได้ว่าราคาพุ่งขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในช่วงปี ค.ศ. 2005-2010 (พ.ศ. 2548-2553) จากระดับ 30-40 ดอลลาร์ต่อตัน ขึ้นไปสูงสุดถึงกว่า 120 หลังจากนั้นก็อ่อนตัวลงมาเรื่อย
ปี 2555 ที่ ปตท.ซื้อเหมือง อยู่ที่ระดับ 90-100
ปี 2556 ที่คุณทักษิณเจรจา อยู่ที่ระดับ 80-90
ปี 2559 ที่ กฟผ.ซื้อเหมือง อยู่ที่ระดับ 70-80
ถามว่าทำไมคนไทยจึงสนใจซื้อเหมืองถ่านหิน ตอบว่าเป็นเพราะฝันหวานอยู่กับตัวเลข 120 ดอลลาร์ต่อตัน พวกนี้มั่นอกมั่นใจว่า ราคาจะกลับขึ้นไปเกิน 120 เหมือนเดิม
ถามว่าคนไทยที่ซื้อเหมืองถ่านหิน มาถึงวันนี้ดีใจหรือเสียใจ ตอบว่าสถานการณ์จุกคอหอย ภาษานักเล่นหุ้น เรียกว่า “ติดยอดดอย”
ภาพที่ 2 แสดงแนวโน้มราคาถ่านหินระยะยาว ประเมินโดยธนาคารโลก จะเห็นได้ว่า อยู่ระดับเพียงไม่เกิน 60
ภาพที่ 3 ประเมินโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อยู่ระดับเพียงไม่เกิน 70 พูดง่ายๆ ราคา 80 ในขณะนี้ เป็นการพุ่งสูงขึ้นแบบชั่วคราวเท่านั้น
เหตุผลที่ราคาพุ่งขึ้นเลย 120 ในปี 2553 นั้น เกิดจากเศรษฐกิจจีนบูมอย่างหนัก มีการลงทุนขยายกำลังผลิตอุตสาหกรรมสะสมต่อเนื่องหลายปี รวมถึงการผลิตเหล็กเพื่อก่อสร้าง ทำให้นำเข้าถ่านหินมหาศาล ในช่วงนั้น ออสเตรเลียบูมสุดขีดจากการขายถ่านหิน และแร่โลหะอื่นๆ ให้จีน จนเศรษฐกิจเป็นฟองสบู่ทีเดียว
แต่โอกาสสำหรับถ่านหินไม่มีทางกลับไปสดใสดังเดิมอีกแล้ว เพราะจีนกำลังเปลี่ยนโมเดล จากการผลิตเพื่อส่งออก เป็นการบริโภคภายในประเทศ และทรัมป์กำลังจะบีบด้านการค้า รวมทั้งหลายประเทศทั่วโลกเริ่มตั้งข้อรังเกียจถ่านหิน
ต่อไปในอนาคต ธุรกิจถ่านหินจะหาแหล่งเงินกู้ได้ยากขึ้นๆ เพราะจะถูกบีบด้วยมาตรการโลกร้อน อนาคตทางธุรกิจนี้จึงไม่สดใส และถึงแม้ทรัมป์ประกาศจะลดความเข้มงวดด้านสิ่งแวดล้อม ก็จะช่วยพยุงอนาคตถ่านหินให้กระเตื้องขึ้นได้ไม่มาก
ด้วยเหตุที่คนไทยที่ลงทุนถ่านหินไปแล้ว มาถึงวันนี้คงเริ่มตระหนักว่ากลับตัวได้ยาก พ่อค้าถ่านหินจึงย่อมจะผลักดันการสร้างโรงไฟฟ้าในไทยอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
การสร้างโรงไฟฟ้าใหม่เท่านั้นที่จะสร้างหลักประกันว่า เหมืองจะขายถ่านหินได้ต่อไปในอนาคตอีก 30 ปี
“ดังที่คุณศศินให้ความเห็นไว้ว่า เมื่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินไปแล้ว ไม่ว่าจะคุ้มหรือไม่คุ้ม ก็จะต้องหาซื้อถ่านหินมาเผากันไปเรื่อยๆ นั่นแหละ”