เลขาธิการ คสช.ยันดีเอสไอเจ้าภาพลุยวัดพระธรรมกาย ได้รับความร่วมมือดี ให้ตำรวจใช้กฎหมายตรวจค้น ส่งหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศคุมเชิง เผยต้องประกาศพื้นที่ป้องกันมือที่ 3 เชื่อไม่เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ระบุให้เวลาพอสมควรแล้ว แนะสาวกถอยออกมามองภาพใหญ่จะเห็นอะไรที่ชัดเจนขึ้น ลั่นกฎหมู่ต้องไม่อยู่เหนือกฎหมาย คาด 1-2 วันรู้ “ธัมมชโย” ยังอยู่หรือไม่ ถ้าไม่อยู่ก็ต้องตามล่าต่อ
วันนี้ (17 ก.พ.) พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (เลขาธิการ คสช.) กล่าวถึงกรณีที่กองทัพส่งกำลังทหารเข้าไปช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานรอบพื้นที่วัดพระธรรมกายว่า ในภาพรวมยังเป็นความรับผิดชอบของดีเอสไอ การดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถือเป็นการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำความผิดในเบื้องต้นที่มีผลกระทบต่อผู้เสียหายจำนวนมาก ที่ผ่านมาได้ใช้หมายค้น หมายจับเข้าไปดำเนินการหลายครั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะมีประชาชนจำนวนมากอยู่ภายใน คสช.จึงได้ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมเพื่อขอให้ประชาชนที่อยู่ภายในและไม่ได้เกี่ยวข้องขอให้ทยอยออกมาจากวัด ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี ส่วนขั้นตอนการตรวจค้นตามกระบวนการกฎหมายก็ทำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในภาพรวมได้รับความร่วมมือด้วยดีจากทุกฝ่าย อาจมีปัญหาบ้างเล็กน้อยในช่วงเย็นวันที่ 16 ก.พ.แต่ก็คลี่คลายไปได้ ในส่วน กกล.รส.ที่รับผิดชอบเป็นพื้นที่ของหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) จำนวน 2 กองร้อยที่ควบคุมพื้นที่ภายนอกอยู่ และอีก 4 กองร้อยดูแลในวงนอก
พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวอีกว่า สาเหตุอีกประการที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมก็เพื่อป้องกันมือที่ 3 เพื่อคัดกรองบุคคลและตรวจสอบอาวุธอย่างละเอียดถี่ถ้วน และนุ่มนวล ซึ่งได้รับความร่วมมือ ไม่ได้เกิดผลกระทบใดๆ และเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบจนกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว สิ่งที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการสังคมเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ในฐานะเลขาธิการ คสช.มองว่าในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมายืดหยุ่นพอสมควร มีการชี้แจงทำความเข้าใจ คนที่จะมาต่อต้านก็ลดน้อยลง ยังคงมีบางส่วนที่เชื่อมั่น ยึดมั่นอยู่ ก็ค่อยๆ ทำความเข้าใจกันไป
“ก็อยากขอร้องว่าบางทีต้องถอยออกมาจากปัญหาและมองในภาพใหญ่จะเห็นอะไรที่ชัดเจนขึ้น บางทีเราไปยืนอยู่ใกล้ๆ กำแพง เราก็ไม่เห็นว่ากำแพงมีรูปร่างอย่างไร แต่ถ้าเราทำใจถอยอกมาแล้วมองออกไป แล้วมองสังคมว่าทำไมเขาคิดแบบนี้ เราก็จะเข้าใจอะไรมากขึ้น ใครกล่าวหาใครว่าดีหรือไม่ดีก็ต้องดูด้วยเหตุด้วยผล อย่าเอาความเชื่ออย่างเดียว บ้านเมืองเราที่ยุ่งยากยุ่งเหยิงทุกวันนี้เพราะเป็นความเชื่อส่วนตัว เป็นทิฐิ ไม่ได้ตัดสินด้วยเหตุผล บางทีก็เป็นความหลงไป เมื่อเราถอยออกมาก็จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ที่สำคัญคือกฎหมู่ต้องไม่อยู่เหนือกฎหมาย เราเจ็บปวดมามากแล้วสำหรับการใช้กฎหมู่ที่อยู่เหนือกฎหมาย ทุกคนอยู่ใต้กฎหมายเดียวกันก็ต้องเคารพกฎหมาย ผมก็มีเหตุมีผล ถ้าผมทำผิดแล้วถูกจับ ผมก็ยอมถูกจับ เป็นธรรมดา และถ้าคิดว่าเราไม่ผิดเราก็ไปสู้ในกระบวนการยุติธรรม” ผบ.ทบ.ระบุ
เมื่อถามว่า การที่ คสช.ตัดสินใจประกาศพื้นที่ควบคุม แสดงว่าการข่าวต้องชี้ว่าพระธัมมชโยอยู่ในวัดพระธรรมกาย พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ในขณะนี้ยังตอบไม่ได้ และไม่ขอบอก คิดว่าภายใน 1-2 วันนี้ก็จะรู้ชัดเจนว่าได้หรือไม่ได้อย่างไร ตรงนั้นอาจจะไม่ใช่ประเด็นใหญ่ เพียงแต่สิ่งที่เราไม่สบายใจและพยายามทำคือ ตรงไหนก็ตามที่เป็นพื้นที่ประเทศไทย และเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปโดยถูกกฎหมายต้องเข้าไปได้ จะอยู่หรือไม่เป็นอีกเรื่องที่ต้องว่ากันไป ต้องติดตามไป ไม่อยู่ที่นี่ ถ้ามีข้อมูลตรงไหนก็จะต้องตามไป