กห.แจงพรรคถกปรองดอง แนะสร้างระบบการเมืองเป็นธรรม ยอมรับผลการเลือกตั้ง

โฆษกกลาโหม แจงความเห็นพรรคการเมือง ถกปรองดอง ชี้ควรสร้างระบบการเมืองเป็นธรรม แนะทุกพรรคยอมรับผลการเลือกตั้ง ไม่เคลื่อนไหวนอกสภา วอนใช้ดุลพินิจเสนอข่าวอย่ากระทบปรองดอง เผยเชิญพรรค ปชป.พูดคุย 17 ก.พ.นี้

วันนี้ (15 ก.พ.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองในชุดคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง กล่าวภายหลังที่ตัวแทนพรรคชาติพัฒนา (ชพ.) เข้าเสนอแนวทางปรองดอง ว่า สำหรับบรรยากาศพูดคุย เสนอแนะเรียบร้อยเป็นกันเอง สร้างสรรค์ รวมทั้งเปิดใจกว้าง ตรงไปตรงมา ในการให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ซึ่งภายหลังพรรคการเมือง ทั้ง 4 คือ พรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งกระเทศไทย พรรคความหวังใหม่ และพรรคชาติพัฒนา ต่างแสดงความคิดเห็นถึงแนวทางการปรองดองว่าต้องสร้างความปรองดอง เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เพราะความขัดแย้งที่ผ่านมาทำให้ประเทศเสียโอกาส สังคมไทยติดหล่ม เกิดความขัดแย้งมานาน ซึ่งกระบวนการปรองดองทำให้เราได้จะทำให้สังคมไทยเดินออกจากความขัดแย้งได้ เพื่อนำไปสู่อนาคตในการอยู่ร่วมกันประเทศ โดยจำเป็นต้องสร้างความปรองดองก่อนการเลือกตั้ง และเป็นการเลือกตั้งตามระบบประชาธิปไตย และเป็นที่ยอมรับตามหลักสากล

พล.ต.คงชีพกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทุกพรรคเห็น คือ 1. ประเด็นการเมืองมีความสำคัญมากที่สุดต่อความขัดแย้งที่ผ่านมา เพราะเกิดจากการแสวงหาอำนาจ และรักษาอำนาจ หาผลประโยชน์ รวมทั้งใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม และเลือกปฏิบัติ โดยเสนอให้ใช้กระบวนการยุติธรรมในการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งเห็นควรให้ทำกระบวนการเลือกตั้งอย่างสุจริตเที่ยงธรรม และเกิดการยอมรับกันทุกฝ่าย อีกทั้งพรรคการเมืองต้องไม่สร้างปัญหาทำให้ติดหล่มทางการเมือง โดยควรใช้กลไกรัฐสภาแก้ปัญหาเท่านั้น และไม่ออกมาเคลื่อนไหวนอกรัฐสภา ซึ่งทุกพรรคการเมืองควรมีข้อตกลงร่วมกันเหมือนสัญญาประชาคมว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาทุกฝ่ายต้องยอมรับ และทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์

2. ความเหลื่อมล้ำ ต้องเข้าถึงการใช้ทรัพยากรและต้องบริหารจัดการน้ำโดยรัฐต้องบริหารที่ดิน และแหล่งน้ำประโยชน์สูงสุดอย่างเป็นธรรมกับเกษตรกร 3. เรื่องกระบวนการยุติธรรม เพราะผ่านมาในการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรม ด้วยการแทรกแซง ซึ่งทุกพรรคเห็นจะต้องสร้างหลักนิติรัฐและนิติธรรมให้ทั่วถึงทุกกลุ่มทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มทุกฝ่าย 4. ทุกพรรคเห็นว่าสื่อมวลชนไม่ควรปลุกเร้าให้เกิดความขัดแย้งในสังคม ควรระวังรับผิดชอบในการเสนอข้อมูลข่าวสาร ภายใต้กรอบจริยธรรมสื่อ และสนับสนุนป้องกันการคุกคามในการทำงานของสื่อ อีกทั้งสื่อควรเสนอข่าวเพื่อให้คลี่คลายขัดแย้ง

โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวต่อว่า 5.การทุจริตคอร์รัปชันทุกพรรคตรงกันว่าต้องมีมาตรการทางกฎหมาย มีการจัดตั้งศาลเฉพาะในการดำเนินการคดีทุจริต เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยมีบทลงโทษที่รุนแรง และรวดเร็ว พร้อมทั้งมีมาตรการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐ เพื่อป้องกันการทุจริตภายในองค์กร 6. ด้านการต่างประเทศ ทุกพรรคเห็นว่าไม่ควรนำปัญหาภายในฝประเทศไปขยายให้เกิดผลกระทบต่อผลประโยชน์ชาติ 7. การปฏิรูปนั้นก็เห็นตรงกันว่าต้องปฏิรูปอย่างจริงจังทุกด้านพร้อมๆ กัน 8. สังคมเศรษฐกิจเพื่อเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลตามกรอบรัฐธรรมนูญ และต้องมุ่งพัฒนาไปทุกกลุ่มรายได้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและกระจายรายได้ให้แก่ประชาชน 9. ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นั้นทุกพรรคเห็นตรงกันว่าเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ เป็นเสมือนเครื่องมือที่ทำให้บรรลุเป้าหมาย และมีทิศทางที่ชัดเจน

พล.ต.คงชีพกล่าวต่อว่า ในวันที่16 กุมพสพันธ์ เวลา 09.00-12.00 น. คณะอนุกรรมการจะเชิญพรรรคไทยรวมพลังใครรวมพลัง พรรคไทยมหารัฐพัฒนา พรรคประชากรไทย ส่วนช่วงบ่ายเวลา 13.30-16.30 น.จะเชิญ พรรคชาติไทยพัฒนา สำหรับวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เวลา 09.00-12.00 น.จะเชิญพรรคประชาธิปัตย์มาพูดคุยเสนอแนะแนวทางการปรองดอง

เมื่อถามว่าจะขอความร่วมมือนักการเมืองที่เข้ามาเสนอแนวทางการปรองดอง ควรงดสัมภาษณ์ภายหลังการพูดคุยหรือไม่ พล.ต.คงชีพกล่าวว่า ขอให้พรรคการเมืองใช้ดุลพินิจความเหมาะสมในการเสนอข่าว เพื่อไม่ให้กระทบต่อการสร้างความปรองดองทางสังคม รวมทั้งขอความร่วมมือสื่อมวลชนด้วยมนการตั้งประเด็นคำถามที่มีเงื่อนไขทางสังคม

“เราขอเวลาเพียง 3 เดือนในการรวบรวมความคิดเห็นของทุกพรรคการเมือง เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอร่วมเป็นสัญญาประชาคม ดังนั้นขอเวลานิดเดียวให้ทุกความเห็นตกผลึกเป็นสัญญาประชาคมที่กำหนดอนาคตการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมไทย” พล.ต.คงชีพกล่าว