ผู้ก่อตั้งบริษัท Huawei เข้าเยี่ยมคารวะ “ประยุทธ์” ชี้แสดงถึงความเชื่อมั่นบริษัทที่จะขยายความร่วมมือทางธุรกิจกับไทย หวังขยายการลงทุนเพิ่ม ค่ายมือถือจีนชมนายกฯ เป็นผู้นำทำชาติสงบเอื้อลงทุน เชื่อไทยเป็นศูนย์กลางศก.ดิจิตอลอาเซียน พร้อมเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
วันนี้ (15 ก.พ.) นายเหริน เจิ้งเฟย (Mr. Ren Zhengfei) ผู้ก่อตั้งบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด (Huawei Technologies Co., Ltd.) เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและชื่นชมบริษัทฯ ในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมและอุปกรณ์เครือข่ายชั้นนำของจีนและของโลก โดยปัจจุบันหัวเว่ยเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในไทย การเดินทางมาเยือนไทยครั้งนี้ของผู้ก่อตั้งบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด ได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นบริษัทที่จะขยายความร่วมมือทางธุรกิจกับไทย นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณบริษัทที่เป็นหุ้นส่วนสำคัญในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของไทยและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีและวิชาการต่างๆ กับสถาบันการศึกษาของไทยมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมหวังว่าบริษัทจะยังคงส่งเสริมและผลักดันความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของไทยและสนับสนุนการพัฒนาการเรียนรู้ของบุคลากรไทยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งขยายการลงทุนในไทยให้มากขึ้น
ผู้ก่อตั้งบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด กล่าวแสดงความยินดีและเป็นเกียรติที่ได้พบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พร้อมกล่าวชื่นชมนายกรัฐมนตรีว่าเป็นผู้นำที่บริหารงานด้วยความรวดเร็ว ชัดเจน และมีประสิทธิภาพ ทำให้ประเทศไทยมีความสงบสุข ซึ่งเอื้อให้เกิดบรรยากาศที่ดีต่อการลงทุนในประเทศ บริษัทฯ มีความยินดีและตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิตอล และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิตอลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ในอนาคต
นายกรัฐมนตรีและผู้ก่อตั้งบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้มีโอกาสพบปะกับประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของจีนในหลายโอกาส ซึ่งไทยและจีนเปรียบเสมือนญาติพี่น้องกัน หากมีเรื่องใดที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันไทยก็พร้อมสนับสนุนอย่างยิ่ง นอกจากนี้ สำนักงานใหญ่หัวเว่ยที่เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง มีความสำคัญต่อไทยอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นประตูหลักที่เชื่อมความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจไทย-จีน และมีการประชุมคณะทำงานไทย-กวางตุ้ง เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างกัน หากบริษัทฯประสงค์ขยายความร่วมมือเพิ่มเติมกับไทยก็สามารถประสานกับคณะทำงานดังกล่าวได้ ด้านผู้ก่อตั้งบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี จำกัด เชื่อมั่นว่าสิ่งที่จีนได้ร่วมมือกับไทยจะสร้างผลประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย ทำให้เจริญเติบโตไปพร้อมกัน บริษัทฯ ยินดีเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น