“ประวิตร” ถกคณะอนุ กก.4 ฝ่ายสร้างความปรองดองครั้งแรก ใช้ฤกษ์วันแห่งความรักเชิญ พรรคการเมือง หมวด ก.ไก่ แสดงความเห็น ดักห้ามเสนอนอกกรอบ รธน. ไฟเขียวลงหรือไม่ลงนามสัญญาประชาคมก็ได้
วันนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการ ทั้ง 4 ฝ่าย ประกอบด้วย 1. คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อความปรองดอง 2. คณะอนุกรรมการพิจารณาบูรณาการข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง มี พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานอนุกรรมการ 3. อนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการ เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง มี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธาน และ 4. คณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง มี พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน นอกจากนี้ยังมี พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน เป็นเลขานุการ คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อความ สามัคคี ปรองดอง นอกจากนี้ยังเป็นคณะกรรมการของอณุกรรมการอีก 2 คณะ
โดยมีผู้เกี่ยวข้องทยอยเดินทางประกอบด้วย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สุรพงษ์สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่างผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายปณิธาน วัฒนายากร ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ สมาชิก สนช. นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตลอดจนถึงผู้แทนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผู้แทนส่วนราชการ กระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ในวันอังคารที่ 14 ก.พ.เวลา 09.00 น.ที่กระทรวงกลาโหม ทางคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานจะเชิญพรรคการเมือง หมวด ก.ไก่ เข้ารับฟังความคิดเห็น
หลังจากนั้นเวลา 11.00 น. พล.อ.ประวิตร แถลงผลการประชุมว่า การประชุมในวันนี้เรียบร้อยดี ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ การปรองดองต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย รวมถึงประชาชน ทุกคนต้องมีส่วนร่วม และการดำเนินการของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ไม่ใช่เพียงคณะเดียว ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือ โดยการทำงานจะดำเนินการควบคู่กันไปตั้งแต่ระดับบน คือ เชิญพรรคการเมือง ภาคธุรกิจ จนถึงระดับล่าง จะมอบหาให้แม่ทัพภาค ผู้บัญชาการตำรวจ และผู้ว่าราชการจังหวัดรับฟังข้อคิดเห็น และจะทำคู่ขนานไปกับคณะใหญ่
เมื่อถามว่า วางกรอบการทำงานอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรามีการตั้งกรอบไว้ในการรับฟังความคิดเห็นประมาณ 3 เดือนจนถึงเดือนเมษายน เมื่อได้ความคิดเห็นแล้วจะส่งไปคณะกรรมการชุดที่ 2 เพื่อจับประเด็นวิเคราะห์บูรณาการ ส่งต่อไปคณะที่ 3 บูรณาการทั้งหมด ส่วนเหตุผลที่ให้ ผบ.เหล่าทัพเข้ามาเป็นอนุกรรมการนั้นเนื่องจากมีความเหมาะสมเพราะเป็นผู้ใหญ่และเป็นผู้นำหน่วย มีทั้งปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผบ.ทบ. ทั้งนี้ ตนไม่มีความเป็นห่วงในกรณีที่จะเชิญพรรคการเมืองมาแสดงความคิดเห็น เนื่องจากการเสนอความคิดเห็นต่างๆ ต้องอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ว่าควรจะพูดในเรื่องใดบ้าง ใน 10 ข้อ ซึ่งใน 10 หัวข้อนี้จะนำเสนอไปทุกฝ่ายที่จะเชิญมาแสดงความคิดเห็น
“ขณะนี้ยังไม่ได้มีการเชิญนักการเมืองเพราะเป็นเพียงการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองครั้งแรก เพื่อมาตกลงกันว่าที่วางกรอบเอาไว้และที่อยู่ในคณะกรรมการทั้งหมดมีความคิดเห็นอย่างไร หรือมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมเพื่อรับฟังเพื่อจะไปสู่การออกคำสั่งต่อไป ส่วนจะเชิญพรรคการเมืองในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์นี้นั้นจะเรียงตามลำดับว่าจะเชิญใครก่อนหลัง ก็ว่ากันไป” พล.อ.ประวิตรกล่าว
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทุกฝ่ายต้องเสนอความคิดเห็นที่อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ ไม่ควรเสนอนอกกรอบรัฐธรรมนูญ เพราะจะไม่เกิดความปรองดองในอนาคต หรือเสนอขัดกับรัฐธรรมนูญ หรือผิดกฎหมาย ก็ไม่รู้จะเสนอทำไม ไม่ใช่เสนอกันเลยเถิด ส่วนการนำไปสู่การปฏิบัตินั้นอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายซึ่งจะเป็นสัญญาประชาคมร่วมกันว่าเราจะยึดมั่นในสัญญาประชาคมนี้ เพราะทุกคนมาร่วมกันหมด และทุกคนก็จะต้องยึดตามสัตยาบันที่เป็นสัญญาประชาคมที่ทำไว้ สัญญาประชาคมนี้จะลงนามถึงไม่ลงนามก็ได้ เพียงแต่ขอให้ได้ข้อสรุปในการเดินหน้าปรองดองร่วมกันเพื่อให้ประเทศมีความสงบและอยู่อย่างสันติในอนาคตเพื่อให้เกิดความชัดเจน ส่วนกรณีหากไม่มีการลงนามในสัญญาประชาคมจะทำให้บางกลุ่มบางฝ่ายไม่ทำตามนั้น ประชาชนรับรู้อยู่แล้วว่าตกลงกันไว้อย่างไร และใครที่ทำนอกเหนือจากสัญญาประชาคมถือเป็นเรื่องของประชาชนที่ต้องไปตัดสิน
เมื่อถามว่าส่วนตัว คาดหวังร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องส่วนรวมทั้งหมด เฉพาะตนคนเดียวทำคนเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องเข้ามามีส่วนร่วม
เมื่อถามว่า การทำสัญญาประชาคมจะมีข้อตกลงห้ามทหารทำรัฐประหารหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับทหาร ทหารไม่ทำรัฐประหาร ไม่จำเป็นต้องทำสัญญาประชาคม หากทหารทำรัฐประหารก็ต้องถูกยิงเป้า หากประชาชนไม่เอาด้วย ยกเว้นประชาชนเรียกร้อง ยืนยันว่าทหารไม่อยากทำ จะทำไปเพื่ออะไร ให้ไปถามนายกรัฐมนตรีที่ทำรัฐประหารเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา ไม่เคยได้หลับได้นอนมา 2 ปีกว่าแล้ว ให้ไปดูรูปของนายกฯ ก่อนทํารัฐประหารกับหลังทำรัฐประหารมีความแตกต่างกันอย่างไร