กรณี “สินบนข้ามชาติ”ที่ถูกจุดพลุขึ้นมาจากปมสินบนโครงการจัดซื้อเครื่องยนต์จากบริษัท โรลส์-รอยซ์ ของ การบินไทย ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยจาก“เมืองนอก”และลุกลามไปถึงอีกหลายหน่วยงาน ช่วงแรกที่เรื่องแดงออกมา ก็เห็นแทบทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งกรรมการตรวสอบกันพรึ่บ บางก็ขีดเส้น 7 วัน 15 วัน 30 วันรู้เรื่อง แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นมีที่ไหนออกแอ็กชัน ฟันชั๊วะ จริงๆ จังๆ ซะที โดยเฉพาะรายของ “พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส” ผู้ว่าฯ สตง. ก็แค่ “กลอนพาไป” แย้มชื่อย่อ “2 ก. กับ 1 ส.” เกี่ยวพันปมสินบนโรลส์-รอยซ์ เมื่อปี 2534
มารูปนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. อีกหน่วยงาน ที่ถูกคาดหวังว่าจะ “เอาจริง” ก็เล่นบท “ตามน้ำ” ทันที โดย สรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ออกมายืนยันข้อมูลของ สตง. ตรงกับที่ป.ป.ช. มีอยู่ แหลมมาอีกหน่อยว่า “2 ก. คือ 2 บิ๊ก ทอ.”ส่วน “1 ส. คือ อดีตกัปตันที่เป็นบอร์ดบินไทยยุคนั้น”สิ่งที่น่าแปลกใจ ก็ผลสอบจากทั้ง “ป.ป.ช.อังกฤษ”หรือ “กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ" ที่ สตง.- ป.ป.ช. ขอข้อมูลไปนั้น น่าจะเป็น“ใบเสร็จพร้อมเสิร์ฟ”รับลูกเล่นงานกันได้แบบ โช๊ะๆ แต่นี่กลับเงื้อง่าราคาแพง จะมามุกเตะถ่วงจนเรื่องเงียบ หรือกลัววิ่งไปชนตออะไร ยังไง รึป่าว ??
อีกเรื่องที่แตกไลน์ออกมาก็ “สินบนเหล้าข้ามชาติ” ซึ่งเป็นข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เช่นกัน เหตุเกิดช่วงปี 47 - 52 ผู้เข้าข่ายต้องสงสัยเพียบ โดยเฉพาะรายของ “อดีตที่ปรึกษารองนายกฯ” ที่มีชื่อโชว์หราในรายงานของสหรัฐฯ คนละเรื่องเดียวกัน มีคนสังเกตว่า“ร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต”ฉบับล่าสุด ที่ยำรวมมิตร พ.ร.บ. ที่เกี่ยวข้องทั้ง 7 ฉบับ เข้าด้วยกัน ล่าสุด ก็ผ่าน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทั้ง 3 วาระไปแล้ว ส่งกลับมาที่รัฐบาลให้ดำเนินการตามขั้นตอนประกาศบังคับใช้ต่อไป กฎหมายฉบับนี้มี “ข้อสังเกต” ฝากมาจาก สนช. บางส่วน ที่“จำใจ”โหวตผ่านไปอย่างเสียไม่ได้ ว่า เป็นห่วงเรื่อง“พิกัดอัตราภาษี”ที่ทะแม่งๆ ผิดปกติ โดยเรตภาษีตามปริมาณ 100 ดีกรีของ “กลุ่มสุรา” สูงสุดแค่ 1,000 บาท ขณะที่ กลุ่มเบียร์ - ไวน์ กลับพุ่งกระฉูดถึง 3,000 บาท ... ส่วนต่างขนาดนี้ ตั้งใจเอื้อให้ใครหรือไม่ อย่างไร วาน ท่าน วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต ชี้แจง นิดนึง
ยุ่บยั่บไปหมด กับการตั้งคณะกรรมการต่างๆ ในคณะกรรมการเพื่อพิจารณากลั่นกรองเรื่องเสนอคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง หรือ ป.ย.ป. ที่ “นายกฯตู่” เซ็นคำสั่ง คสช. แต่งตั้งไปเมื่อวันก่อน แต่ก็ยังไม่ครบถ้วน เห็นว่าจะมีตั้งเพิ่มเติมอีก จนไม่รู้ว่าคณะไหน เป็นคณะไหน ใครมีหน้าที่อะไร แล้วส่วนใหญ่รายชื่อก็มาจาก “บิ๊กข้าราชการ” ทั้งนั้น ไม่ได้มีแปลกใหม่ เหมือนต้องการให้ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ยังไงก็ไม่รู้ ที่ได้รับความสนใจที่สุด ก็ชุดคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่ “นายกฯ ประยุทธ์” นั่งเป็นประธานโดยตำแหน่ง แต่คนที่มีบทบาทจริงๆ ก็เป็น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองประธานฯ ที่ประกาศตัวเป็นเจ้าภาพไปแล้ว
ในชุดกรรมการปรองดองของ “บิ๊กป้อม” ก็มีชื่อ “บิ๊กข้าราชการ” เกือบเต็มโควตา 30 กว่าคน ส่วนที่ปรึกษาพ่วงกรรมการเหมือน “จะพยายาม” ใส่ชื่อ “คนนอก” เข้ามาเพื่อกันข้อครหา แต่ก็ไม่เนียนตา เพราะชื่อของ สุจิต บุญบงการ อดีต กมธ. ยกร่าง รธน. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร หรือ กระทั่ง พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.สส. ก็ไม่น่าจะนับเป็นคนนอกได้ ที่ใหม่แกะกล่องจริงๆ คงเป็น “สุทธิพันธ์ จิราธิวัฒน์” ตัวแทนจากเครือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เท่านั้น ..
ที่โฆษณากันใหญ่โต เอาเข้าจริงงานของ กก.ปรองดอง ชุด “บิ๊กป้อม” ก็ไม่เห็นมีอะไรใหม่ โดยเฉพาะการพูดคุยกับกลุ่มต่างๆ ที่ทำไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็หา “จุดลงตัว” ไม่ได้ แล้วก็ยังแย้มๆ ว่า จะนำผลการศึกษารายงานการสร้างปรองดองหลายๆ ฉบับ สารพัดชื่อย่อ มาต่อยอด - ขยายผล ซึ่งรายงานแต่ละฉบับก็มี “ตำหนิ” ถูกวิพากษ์ วิจารณ์ จนไม่ถูกนำมาต่อยอดให้เป็นรูปธรรมได้จริงๆ ... ที่พอยอมรับกันว่า “เป็นกลาง” ก็คงเป็นฉบับของ คอป. ที่มี คณิต ณ นคร เป็นประธาน ฉบับเดียวเท่านั้น แต่รายงานฉบับไหนๆ ก็คงไร้ค่า หาก คสช. มี “ข้อสรุปแบบกึ่งสำเร็จรูป”เป็น “ธง”อยู่ในมือแล้ว ไอ้ที่ตั้งนู่น ตั้งนี่ ขึ้นมาก็อิแค่ “พิธีกรรม” เพิ่มความขลังให้ “พิมพ์เขียวปรองดอง”ของ คสช. เท่านั้น.