โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชูคำพิพากษาจำคุก “ชายชุดดำ” 2 คน ใช้อาวุธสงครามสมรภูมิคอกวัว 10 เมษายน ปี 53 ยืนยันชัดชายชุดดำทำผิดจริง สวนคำม็อบแดงปราศจากอาวุธ หวังคงไม่มีใครยกมาอ้างเป็นอุปสรรคปรองดอง
วันนี้ (1 ก.พ.) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลอาญาพิพากษาให้ชายชุดดำในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 จำนวน 2 คน มีโทษจำคุก 10 ปี ว่า คำพิพากษาดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยืนยันแน่ชัดว่าชายชุดดำที่ถูกพูดถึงมาโดยตลอดนั้น ได้กระทำความผิดจริงตามข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ปรากฏ สามารถหักล้างการกล่าวอ้างของกลุ่มการเมืองที่ว่าทหารยิงกันเองจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย
“ดังนั้น การที่กลุ่มการเมืองระบุว่าการชุมนุมในช่วงวันที่ 10 เม.ย. 2553 เป็นการชุมนุมที่สงบปราศจากอาวุธนั้นจึงสวนทางกับความเป็นจริง หรือต้องการบิดเบือนการกระทำของตน เพราะศาลได้พิเคราะห์แล้วพบอาวุธปืนหลายประเภท และเครื่องยิงระเบิด หมายถึงการมีเจตนาประสงค์ร้ายต่อชีวิตของผู้อื่น โดยเฉพาะการใช้ยิงเจ้าหน้าที่ทหารที่ขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และบริเวณใกล้เคียง ทำให้สังคมได้ประจักษ์ชัดขึ้นในเรื่องนี้” พล.ท.สรรเสริญกล่าว
พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า รัฐบาลหวังว่าคงไม่มีผู้ใดออกมาแสดงความเห็นเชื่อมโยงกรณีนี้กับการสร้างความปรองดองที่กำลังเดินหน้าอยู่ในขณะนี้ในทำนองว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานเพราะเป็นคนละเรื่องกัน โดยการสร้างความปรองดองเป็นผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า เช่นเดียวกับการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ส่วนผู้กระทำผิดก็ยังต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และรับโทษตามกฎหมาย
“อย่างไรก็ตาม จำเลยมีสิทธิจะอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดี เพราะเป็นขั้นตอนที่สามารถกระทำได้ แต่เชื่อมั่นว่าศาลจะใช้ดุลพินิจพิจารณาตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” พล.ท.สรรเสริญกล่าว